นอกจากโควิด-19 ก็เห็นจะเป็น PM2.5 นี่แหละที่น่าจะอยู่กับเราอีกนาน เพราะปัญหาสิ่งแวดล้อมต้องใช้เวลาแก้ยาวนาน และทำไม่ได้ง่าย ๆ เลย สำหรับประเทศไทยช่วงต้นปีจะเป็นช่วงที่อากาศชื้นลดลง ทำให้ฝุ่นละอองจากปัจจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเชื้อเพลิง การเผาไหม้ทางการเกษตร และการเผาไหม้จากอุตสาหกรรม กลับมาสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งอนุภาคขนาดเล็กที่เราต้องหายใจร่วมกับมันส่งผลกระทบต่อสุขภาพ คนปกติรับมือยากแล้ว ผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดยิ่งต้องระวังเพิ่มขึ้น PM2.5 ส่งผลต่อสุขภาพทั้งระยะสั้นและระยะยาว อนุภาค PM2.5 มีขนาดเล็กมาก มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น (ยกเว้นจะปกคลุมชั้นบรรยากาศจนทำให้ทัศนวิสัยยากต่อการมองเห็น) โดยหากสัมผัสโดยตรงเป็นเวลานานก็อาจจะทำให้ระคายเคืองผิว ดวงตา เจ็บคอ คัดจมูก หรือเกิดความผิดปกติต่อทางเดินหายใจได้ ผู้ที่มีอาการหอบหืดหรือเป็นภูมิแพ้ก็จะยิ่งมีอาการเด่นชัด สำหรับระยะยาวการสูดดม PM2.5 เป็นระยะเวลานานอาจจะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคทางเดินหายใจ และอาจจะก่อให้เกิดมะเร็งปอดได้ในอนาคตด้วย PM2.5 กับผู้ป่วยโรคมะเร็งปอด มีการศึกษาว่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 อาจจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระดับยีน ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงโมเลกุลขนาดเล็กที่กำหนดการแสดงของยีนในร่างกาย จนไปสู่การกลายพันธุ์ หรือแบ่งตัวผิดปกติในเซลล์ และอาจจะทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะทำให้เซลล์กลายพันธฺุ์ไปเป็นมะเร็งปอดได้ และผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็งปอดอยู่แล้ว PM2.5 ยิ่งจะเป็นตัวเร่งและสิ่งเร้าที่ทำให้อาการของโรคหนักขึ้น หรือเกิดผลข้างเคียงในการรักษาง่ายขึ้นด้วย ช่วงที่ PM2.5 กลับมานับเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของผู้ป่วยมะเร็งปอดเลยทีเดียว ผู้ป่วยและผู้ดูแลต้องยกระดับการดูแลให้มากขึ้น การดูแลผู้ป่วยมะเร็งปอดช่วง PM2.5 – […]
รับมือกับโควิดโอไมครอน ต้องเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย
การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนายังคงต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด และให้ทุกคนตื่นตัวอย่างสม่ำเสมอนะครับ ล่าสุดพบการกลายพันธุ์ครั้งใหม่คือ “โอไมครอน (Omicron)” นับเป็นการคลายพันธุ์ของโคโรนาไวรัสที่มีแนวโน้มที่จะรุนแรงและแพร่เชื้ออย่างรวดเร็วกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้ามากทีเดียว ความน่ากังวลของโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน การกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด-19 โอไมครอน เป็นการกลายพันธุ์บริเวณตำแหน่งโปรตีนหนามที่ไวรัสยึดเกาะ ซึ่งจะเข้าสู่เซลล์ร่างกายของเราได้ง่ายขึ้น นักวิทยาศาสตร์คาดว่าจะทำให้เกิดการติดเชื้อและการแพร่ระบาดมีอัตราการติดเชื้อสูงกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้า ทั้งนี้สายพันธุ์โอไมครอนอาจจะยังหลบหลีกภูมิคุ้มกันจากวัคซีนที่ฉีดไปก่อนหน้านี้ รวมถึงคนที่เคยติดโควิด-19 สายพันธุ์อื่น ๆ ด้วย ภูมิคุ้มกันที่มีก็อาจจะไม่สามารถป้องกันโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนได้เช่นกัน ความน่ากังวลมันเลยอยู่ตรงนี้ด้วย อาการและความรุนแรงหากติดเชื้อโควิดโอไมครอน – ยังคงได้กลิ่น และรับรู้รส – ปวดเมื่อยตามร่างกาย และกล้ามเนื้อ – เป็นไข้ บางรายอาจจะไม่เป็นไข้สูง – รู้สึกอ่อนเพลีย มีไอร่วมด้วย – หลายรายสายสามารถรักษาตัวที่บ้านและหายได้ภายใน 5-7 วัน – ผู้ป่วยสูงอายุและผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง อาจจะมีอาการรุนแรงกว่าผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง และมีอายุน้อย ผู้ดูแลและคนในครอบครัวต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด การฉีดวัคซีนที่มีอยู่ยังเป็นความจำเป็นในการป้องกันการเสียชีวิต แม้จะยังไม่มีรายงานที่ชัดเจนว่าวัคซีนที่มีอยู่ตอนนี้สามารถป้องกันการติดเชื้อและแพร่ระบาดของโควิดโอไมครอนได้หรือไม่ แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ย้ำว่าการฉีดวัคซีนที่มีอยู่ตอนนี้ สามารถป้องกันการป่วยรุนแรงและการเสียชีวิตหากติดเชื้อโควิดโอไมครอนได้ หากใครที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ให้เร่งไปฉีดเข็มบูสต์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันนะครับ ดูแลตัวเองให้มากขึ้น เสริมภูมิด้วยเบต้ากลูแคน ยังคงแนะนำให้ปฏิบัติตามมาตรการในการแพร่ระบาดของโควิด-19 เหมือนเดิม แต่อาจจะต้องเข้มข้นและระมัดระวังมากขึ้น […]
หายโควิดแต่ยังติดเชื้อได้ เสริมภูมิอย่างไรให้ถูกวิธี
แม้โลกของเราจะมีวัคซีนสำหรับป้องกันเชื้อโควิด-19 ได้ แต่ยังไม่มีวัคซีนชนิดไหนป้องกันได้ 100% และยังไม่มีวัคซีนป้องกันไม่ให้กลับไปติดเชื้อโควิด-19 ได้อีก เนื่องจากวัคซีนถูกคิดค้นจากพันธุกรรมเชื้อโคโรนาที่แพร่ระบาดในโลกช่วงแรกๆ แต่ปัจจุบันเชื้อโรคได้กลายพันธุ์ไปตามภูมิภาคต่าง ๆ ทำให้วัคซีนที่มีอยู่ตอนนี้ไม่มีชนิดใดที่ป้องกันไม่ให้กลับไปติดโควิดได้อีก แล้วเราจะดูแลตัวเองอย่างไรให้มีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง เพื่อป้องกันเราจากเชื้อโรคได้ มาดูกันครับ 1. รับประทานอาหารเสริมจากสารสกัดเบต้ากลูแคน ไม่ใช่ทางลัด แต่เป็นอีกทางเลือกที่สะดวก เพราะเบต้ากลูแคนได้รับการรองรับว่าสามารถช่วยเสริมสร้างให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันได้ และกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวได้ดี หากเม็ดเลือดขาวแข็งแรงก็สามารถป้องกันเราจากเชื้อโรค ไวรัส แบคทีเรียที่พยายามจะเข้าร่างกายเราได้ ทั้งนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระมากมายที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ลดการอักเสบในเนื้อเยื่อ ทั้งยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อีกด้วย 2. รับประทานอาหารที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน เพิ่มเกราะป้องกันการติดเชื้อ – ผัก เช่น คะน้า ปวยเล้ง บร็อกโคลี่ พริกหยวกสีแดง ผักหวาน ใบกะเพรา ใบโหระพา เป็นต้น – ผลไม้วิตามินซีสูง เช่น ส้ม, สตรอว์เบอร์รี่, เชอร์รี่, ทับทิม, ฝรั่ง โดยมีวิตามินซีสูงช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ – เนื้อสัตว์ ให้เลือกเนื้อสัตว์ที่ไขมันน้อย เช่น เนื้อไก่ เนื้อปลา ไข่ […]