โรคหลอดเลือดสมองเป็นหนึ่งในโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่ส่งผลให้เกิดการเสียชีวิตมากเป็นอันดับต้น ๆ โดยมีสถิติการเพิ่มจำนวนของคนไข้โรคนี้เพิ่มขึ้นปีละ 10-15 ล้านคนทั่วโลก ในจำนวนนี้มีโอกาสที่จะเสียชีวิตและเป็นอัมพาตเกินกว่าครึ่ง การป้องกันโรคหลอดเลือดสมองไม่ต้องรอให้อายุมาก เพราะโรคนี้คนอายุน้อยก็มีโอกาสที่จะเป็นได้เช่นกัน มาดูกันว่าพฤติกรรมอะไรที่เราต้องปรับบ้าง โรคหลอดเลือดสมองแบ่งออกเป็น 2 ประเภท 1. โรคหลอดเลือดสมองแบบเฉียบพลัน โดย 80-90% มักเป็นผู้ป่วยที่มีโรคไม่ติดต่อเรื้อรังเป็นโรคประจำตัวอยู่แล้ว ซึ่งทำให้เกิดเลือดไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงสมองได้เนื่องจากหลอดเลือดอุดตัน เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง รวมไปถึงการบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง สูบบุหรี่มานาน การไม่ออกกำลังกาย รวมถึงทำงานหนัก มีภาวะเครียด และไม่ได้พักผ่อนเพียงพอ ซึ่งผู้ป่วยประเภทนี้มีโอกาสที่จะเป็นอัมพาต นอกจากนี้ยังพบว่าเกิดจากภาวะหัวใจวายหรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ รวมไปถึงโรคเลือดบางชนิดด้วย 2. โรคหลอดเลือดสมองแตก เกิดจากผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่เป็นมานานแล้วไม่ได้รับการรักษา นอกจากนี้ยังมีปัจจัยกระตุ้นอื่น ๆ เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ติดต่อกันเป็นเวลานาน รวมถึงการใช้ยาบางชนิดด้วย พฤติกรรมอะไรบ้างที่นำไปสู่โรคหลอดเลือดสมอง ต้องบอกเลยว่าพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของเราส่งผลต่อการเกิดโรคหลอดเลือดในสมองหลายอย่าง สิ่งสำคัญคือการป้องกันไม่ให้ตัวเองน้ำหนักเกินมาตรฐาน จะลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอ้วน โรคเบาหวาน รวมไปถึงโรคความดันโลหิตสูง เพราะโรคเหล่านี้เป็นชนวนให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองทั้งสิ้น หากเปลี่ยนพฤติกรรมก็จะลดโอกาสที่จะเผชิญกับโรคหลอดเลือดสมองได้ 1. รับประทานอาหารตามโภชนาการ อาจจะเป็นเรื่องที่หลายคนทราบอยู่แล้ว แต่น้อยคนนักที่จะสามารถทำได้ ด้วยวิถีชีวิตในปัจจุบันที่เร่งรีบ การที่สามารถเลือกทานอาหารดี ๆ ในแต่ละมื้อทำได้ยาก ไม่พอเวลาได้ทานมื้อพิเศษก็ยังเลือกอาหารที่ถูกปากมากกว่าอาหารที่ดีต่อสุขภาพ […]
“ฮีทสโตรก” อาจจะทำผู้ป่วยความดันโลหิต เสี่ยงเสียชีวิตมากกว่าคนทั่วไป
ต้องยอมรับเลยว่าอากาศหน้าร้อนปีนี้ร้อนกว่าปีก่อน ๆ เยอะเลยครับ ทำให้ค่าไฟหลายบ้านพุ่งกระฉูดแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน เพราะความร้อนที่พุ่งสูงทำให้หลายคนไม่สามารถอยู่ในบ้านในอากาศปกติได้ จนต้องเปิดเครื่องปรับอากาศแทน และอากาศที่ร้อนขนาดนี้ยิ่งเสี่ยงทำให้คนที่มีโรคประจำตัวอย่างความดันโลหิตสูงอันตรายได้ เพราะอะไร มาดูกันครับ โรคฮีทสโตรกหรือโรคลมแดดอันตรายอย่างไร? โรคนี้ไม่ใช่แค่การตากแดดแล้วเกิดเป็นลมนะครับ เราอาจจะเห็นในข่าวอยู่ตลอดว่าการประสบกับภาวะนี้เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต ซึ่งเกิดจากร่างกายอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อุณหภูมิสูงมาก จนได้รับความร้อนสะสมเกินไปจนทำให้เกิดความผิดปกติของสมองในการควบคุมอุณหภูมิ ทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิสูงเกิน 40 องศา ซึ่งส่งผลต่อระบบไหลเวียนเลือดและการทำงานของเส้นประสาทสมองด้วยครับ ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตยิ่งเสี่ยง เนื่องจากผู้ป่วยโรคความดันโลหิตไม่ว่าจะโรคความดันโลหิตสูงหรือต่ำ หากร่างกายเผชิญกับภาวะฮีทสโตรก มีความเสี่ยงที่จะอาการหนักกว่าคนปกติ เนื่องจากเมื่อเจอภาวะนี้ความดันโลหิตจะลดต่ำลง หัวใจเต้นเร็วขึ้น เพราะร่างกายพยายามกำลังปรับสภาพให้กลับมาเป็นปกติ หากป่วยเป็นโรคความดันโลหิตก็จะยิ่งทำให้ร่างกายทำงานหนักมากขึ้น เช็กอาการก่อนเป็นฮีทสโตรก หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อากาศร้อนจัด แล้วมีอาการเหล่านี้ ต้องรีบปฐมพยาบาลเบื้องต้น หรือส่งสถานพยาบาลใกล้เคียง โดยอาการได้แก่ ไม่มีเหงื่อออก แม้จะอากาศร้อน หน้าแดง รู้สึกอุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น ตัวร้อนจัด หิวน้ำตลอดเวลา วิงเวียน คลื่นไส้ หายใจลำบาก อยากอาเจียน กล้ามเนื้อเริ่มเกร็ง มึนงง อาจจะหมดสติ และหัวใจเต้นช้าลง การปฐมพยาบาลเพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยฮีทสโตรก ต้องพยายามทำให้อุณหภูมิในร่างกายเย็นลง โดยพาเข้าที่ร่ม นอนราบ ยกเท้าสูงทั้งสองข้าง หากต้องการอาเจียนให้นอนตะแคง เมื่ออาเจียนแล้วนอนหงาย หาผ้ามาเช็ดตัว หรือประคบเย็นตามจุดต่าง […]
ไขมันพอกตับ อันตรายของคนรุ่นใหม่
ต้องยอมรับว่าคนรุ่นใหม่ในยุคนี้ต้องเผชิญกับปัญหาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสังคมและเศรษฐกิจ ไหนจะต้องต่อสู้กับโรคระบาดนานหลายปี ทำให้คนรุ่นไหนหลายคนเลือกที่จะระบายความเครียดหรือใช้เวลาในวันหยุดไปกับการรับประทานอาหารที่ชื่นชอบ โดยตัวเลือกก็มักจะเป็นอาหารยอดฮิตไม่ว่าจะเป็นบุฟเฟ่ต์ ฟาสต์ฟู้ด อาหารรสจัด ไหนจะฉลองด้วยการดื่มแอลกอฮอล์ นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้คนรุ่นใหม่เสี่ยงที่จะเป็นโรคไขมันพอกตับมากยิ่งขึ้น ไขมันพอกตับเกิดจากอะไรได้บ้าง? ภาวะไขมันพอกตับ คือ การสะสมของไขมันในเซลล์ตับอ่อนต่อเนื่องเป็นเวลานาน ซึ่งส่งผลให้ตับเกิดการอักเสบ และส่งผลต่อการทำงานของตับเพราะอาหารประเภทไขมันจะถูกไปเผาผลาญที่ตับ หากมีไขมันมากเกินความจำเป็นจะถูกสะสมอยู่ที่ตับในรูปแบบของไตรกลีเซอร์ไรด์ ซึ่งส่งผลต่ออวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายตามมา ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนมากมาย โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้อรังได้ โดยสามารถเกิดจากสาเหตุดังนี้ 1. การรับประทานอาหารประเภทไขมันเป็นประจำ 2. การดื่มแอลกอฮอล์มาเป็นระยะเวลานาน หรือดื่มมากเป็นประจำ 3. มีน้ำหนักตัวมาก หรือเป็นโรคอ้วน 4. ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบทั้ง A และ B 5. การลดน้ำหนักอย่างผิดวิธีทำให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วเกินไป หรือการผ่าตัดกระเพาะและเกิดภาวะแทรกซ้อน 6. ผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด เช่น ยาเสตียรอยด์ ยาปฏิชีวนะบางชนิด ยากระตุ้นฮอร์โมน ทำไมคนรุ่นใหม่ที่มีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น โดยปกติโรคนี้มักจะตรวจพบในคนอายุ 40 ปีขึ้นไป แต่ปัจจุบันมีไม่น้อยที่มีคนอายุน้อยป่วยด้วยโรคนี้ ด้วยพฤติกรรมการใช้ชีวิต ทั้งการรับประทานอาหารไขมันสูง น้ำตาลสูง และโซเดียมสูง ซึ่งมักจะเป็นอาหารยอดนิยม อย่างหมูกระทะ […]