ใครเคยเป็นบ้างครับ? ตาจะปิดอยู่แล้วแต่ขอเล่นโทรศัพท์อีกก่อน กระทั่งโทรศัพท์ตกใส่หน้าก็ยังฝืนตา เพราะรู้สึกว่าวันนี้ใช้ชีวิตไม่คุ้มเอาเสียเลย โดยมีนิยมพฤติกรรมนี้อยู่นั่นคือ “Revenge Bedtime Procrastination” หรือแปลตรงตัวว่า “การไม่ยอมนอนเพื่อล้างแค้น” พฤติกรรมเสี่ยงเหล่านี้ส่งผลร้ายต่อร่างกายมากกว่าที่คิด มาดูกันครับว่าเพราะอะไรคนถึงมีพฤติกรรมเช่นนี้ Revenge Bedtime Procrastination เกิดจากอะไร? โดยทาง Sleep Foundation ได้อธิบายพฤติกรรมนี้ว่าเป็นการตัดสินใจที่จะสละเวลานอน เพื่อไปทำในสิ่งที่อยากทำ เนื่องจากช่วงเวลากลางวันยุ่ง เครียด ด้วยภาระงาน และกิจวัตรในการใช้ชีวิตต่าง ๆ ซึ่งทำให้รู้สึกว่าไม่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ไม่ว่าจะเล่นเกม ดูซีรีส์ ติดตามคอนเทนต์ในโซเชียลมีเดีย จึงอยากทำกิจกรรมเหล่านี้ในช่วงเวลาก่อนนอน ทำให้หลายคนฝืนร่างกายไม่ยอมนอนเพื่อได้จะได้ทำในสิ่งที่อยากทำ แม้ร่างกายจะเหนื่อยล้าแค่ไหนก็ตาม พฤติกรรมเสี่ยง เหนื่อยแต่ไม่ยอมนอนเกิดกับใคร โดยมากพฤติกรรม Revenge Bedtime Procrastination มักจะเกิดขึ้นในหมู่คนทำงานเสียส่วนใหญ่ เพราะมีความเครียดสะสมจากการทำงานที่ใช้เวลา 8-10 ชั่วโมงต่อวัน โดยเฉพาะช่วงที่ต้อง Work from Home ที่ต้องพยายามแบ่งเวลาในการทำงานและการพักผ่อนได้อย่างยากลำบาก เนื่องจากใช้สถานที่เดียวกัน หลายคนมีชั่วโมงการทำงานที่มากขึ้นเพราะต้องรู้สึกว่าต้องทำงานตลอดเวลา นี่จึงเป็นเหตุผลที่หลายคนยอมแลกเวลานอน ยอมที่จะนอนดึก ๆ แล้วได้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ให้เวลากับตัวเอง […]
ห่างไกลจาก “มะเร็งปอด” โรคที่คนไทยมีโอกาสเป็นเยอะขึ้น!
ปลายฝนต้นหนาวทีไร ประเทศไทยมักจะประสบกับปัญหามวลอากาศนิ่งจากความกดอากาศที่สูงขึ้น ทำให้ฝุ่นละอองจับตัวกันหนาแน่นขึ้น หรือที่คนไทยรู้จักกับปรากฏการณ์นี้มากขึ้น ก็คือ ฝุ่น PM2.5 นี่เอง ซึ่งการประสบปัญหาฝุ่นควันนี้ ทำให้เกิดปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพของคนไทยโดยภาพรวมมากขึ้น โดยเฉพาะการเกิดโรคมะเร็งปอด ที่ PM2.5 สามารถทำให้เกิดความเสี่ยงในโรคนี้มากขึ้น แล้วเราจะป้องกันให้ตัวเองห่างไกลจากโรคร้ายนี้ยังไงได้บ้าง มาศึกษากันครับ สถิติคนไทยป่วยเป็นมะเร็งปอดมากขึ้น ข้อมูลจากอธิบดีกรมการแพทย์บอกว่า มะเร็งปอด เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2 ของคนไทย เป็น 1 ใน 5 มะเร็งที่พบมากที่สุด ซึ่งพบมากเป็นอันดับ 2 ในเพศชาย และอันดับ 5 ในเพศหญิง ซึ่งสาเหตุมีหลายปัจจัย ได้แก่ – การสูบบุหรี่ โดยที่คนสูบบุหรี่เป็นประจำ มีโอกาสป่วยเป็นมะเร็งปอดมากกว่าไม่สูบถึง 10 เท่า และในควันบุหรี่มีสารพิษมากกว่า 6 พันชนิด และมีสารก่อมะเร็งกว่า 60 ชนิดด้วยกัน – การได้รับแร่ใยหิน พบมากในโครงการก่อสร้าง อุตสาหกรรมการผลิตยางสำหรับใช้ทำผ้าเบรก ฉนวนกันความร้อน หรือผู้ที่ต้องทำงานที่มีแร่ใยหินเป็นเวลานาน อาจจะมีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดโรคมะเร็งปอดได้เช่นกัน – […]
รวมสารในชีวิตประจำวันที่ต้องระวัง ปัจจัยเสี่ยงหลายโรคร้าย
พูดถึงสารเคมีหลายคนอาจจะคิดว่าเป็นสิ่งที่อันตราย แต่ในชีวิตประจำวันของเราเลี่ยงที่จะสัมผัสกับสารเคมีเหล่านี้ยากครับ ทั้งสารเคมีจากธรรมชาติและสารเคมีสังเคราะห์ เพราะข้าวของเครื่องใช้ที่รายล้อมเราในปัจจุบัน ก็นับว่าเป็นสารเคมีทั้งนั้น แต่จะมีสารเคมีอะไรบ้างที่เราควรเลี่ยงและไม่สัมผัสในปริมาณที่มาก เพราะอาจจะเสี่ยงต่อโรคร้ายในอนาคตได้ คาร์บอนมอนออกไซด์ (CO) พบสารนี้ได้เมื่อเกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ จากควันรถยนต์ โรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นก๊าซที่ไม่มีสีไม่มีกลิ่น โดยร่างกายของเราจะได้รับก๊าซนี้จากการสูดดม หากสูดดมไปนาน ๆ เข้าก็อาจจะทำให้เวียนหัว คลื่นไส้ หายใจติดขัด เจ็บบริเวณหน้าอก และอาจจะอาเจียนได้ โดยก๊าซนี้นับว่าเป็นก๊าซพิษที่สามารถสะสมในร่างกาย ทำให้ฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงส่วนที่เหลือไม่ปล่อยออกซิเจนให้กับเนื้อเยื่อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย อาจจะเกิดโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดและหัวใจในอนาคต โซเดียมโมโนกลูตาเมต ที่เราหลายคนรู้จักกันดีในชื่อ “ผงชูรส” เป็นสารปรุงอาหารชนิดหนึ่งที่ช่วยเพิ่มรสชาติความกลมกล่อมให้อาหารได้ นิยมใส่ในอาหารแทบจะทุกชนิดโดยเฉพาะอาหารไทยรสจัด ซึ่งมีผลงานวิจัยและศึกษาออกมามากมายว่าผงชูรสไม่มีผลข้างเคียงอย่างผมร่วงหรือมีสารก่อมะเร็ง แต่ผลข้างเคียงที่สำคัญที่สุดของการบริโภคผงชูรสคือ ปริมาณโซเดียมที่สูง ซึ่งการรับประทานโซเดียมหรือเกลือในปริมาณมาก ๆ จะทำให้ร่างกายขาดน้ำ ส่งผลให้ความดันในเลือดสูงขึ้น ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง โรคไตวาย หรือภาวะบวมน้ำจากโซเดียมได้ ฉะนั้นควรบริโภคโซเดียมไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัม/วัน จะดีที่สุดครับ สารให้ความหวานแทนน้ำตาล ปัจจุบันนิยมใช้แทนน้ำตาลปกติ เนื่องจากให้พลังงานต่ำ แต่ยังคงให้รสหวานแก่อาหารได้ แม้การบริโภคสารให้ความหวานแทนน้ำตาลจะไม่ได้สร้างความอันตรายทางตรงให้กับร่างกายเสียทีเดียว แต่การบริโภคสารให้ความหวานแทนน้ำตาล จะเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายต้องบริโภคของหวานอยู่เสมอ ทั้งยังมีรายงานว่าสารให้ความหวานบางชนิด สามารถกระตุ้นให้เกิดการดูดซึมน้ำตาลได้มากขึ้นด้วย หากวันใดไม่ได้ทานจะรู้สึกหงุดหงิด […]










