รายงานในปี 2562 ไทยมีผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานกว่า 4.8 ล้านคน ซึ่งกว่าครึ่งในจำนวนนี้เข้าไม่ถึงการรักษา ทำให้ผู้สถิติการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคเบาหวานสูงขึ้นมาก โดยพบโรคนี้ในวัยกลางคน และมีอาการของโรครุนแรงโดยเฉพาะในวัยรุ่นรวมถึงเด็ก นับเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของคนไทยอย่างมาก วันนี้จึงมาแนะนำสารสกัดจากฮอร์ธอร์นที่เหมาะกับการดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวานครับ ฮอร์ธอร์นสารสกัดจากพืชที่ดูแลหัวใจผู้คนมายาวนาน ฮอร์ธอร์น (Hawthorn) เป็นพืชตระกูลเบอร์รี มีถิ่นกำเนิดกระจายตามทวีปยุโรป เอเชีย แอฟริกาเหนือ และอเมริกาเหนือ โลกของเรารู้จักกับฮอร์ธอร์นมานานกว่าหนึ่งศตวรรษได้แล้ว โดยเมื่อศตวรรษที่ 18 มีหมอชาวอเมริกันนำมาใช้เป็นยาเพื่อรักษาความผิดปกติของระบบไหลเวียนเลือดและทางเดินหายใจ และนำมาใช้เพื่อรักษาปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ โดยใช้ส่วนใบและดอกมาทำเป็นยา มีงานวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่าฮอร์ธอร์นอาจได้ผลเมื่อใช้ในการรักษาภาวะหัวใจล้มเหลวเล็กน้อยถึงปานกลางได้อีกด้วย ฮอร์ธอร์นและการดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวาน ฮอร์ธอร์นสามารถช่วยเรื่องการเผาผลาญ และรักษาสมดุลเมแทบอลิซึมให้ร่างกายได้ดี ช่วยควบคุมคอเลสเตอรอลและรักษาระดับน้ำตาลในเลือด ทั้งยังช่วยขยายหลอดเลือดให้เลือดสามารถไหลเวียนได้ดี ลดความเสี่ยงที่ผนังหัวใจจะหนาขึ้น และยังช่วยลดความรุนแรงหากในอนาคตป่วยเป็นโรคที่เกี่ยวเนื่องกับหัวใจได้ด้วย นอกจากนี้มีการศึกษามากมายที่ชี้ให้เห็นว่าฮอร์ธอร์นมีส่วนในการบำรุงและดูแลหัวใจและหลอดเลือด โดยเฉพาะการป้องกันหัวใจล้มเหลวเรื้อรัง โดยผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าการใช้ฮอร์ธอร์นในช่วยในการดูแลสุขภาพของผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นภาวะหัวใจล้มเหลวเรื้อรัง ทำให้สามารถประเมินอาการและป้องกันไม่ให้เกิดภาวะนี้ได้ และอาจจะนำไปสู่การออกแบบการออกกำลังกายที่เหมาะสม เพื่อลดความเหนื่อยล้า และให้เหมาะกับคนที่เป็นโรคหัวใจได้ ไม่เพียงเท่านั้นในฮอร์ธอร์นยังพบสารต้านอนุมูลอิสระมากมายที่ช่วยชะลอวัย ลดริ้วรอยเหี่ยวย่น บำรุงให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ผมสลวยเงางาม ทั้งยังสามารถป้องกันโรคมะเร็งและโรคหัวใจได้ด้วย เริ่มทานฮอร์ธอร์นยิ่งเร็ว ยิ่งได้ดูแลสุขภาพล่วงหน้า อย่างที่กล่าวไปว่าฮอร์ธอร์นอกจากจะช่วยดูแลโรคเบาหวานได้ดี ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันโรคหัวใจได้ด้วย หากรับประทานตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่ต้องรอให้ป่วยเป็นโรคเหล่านี้ก็มีโอกาสที่จะไม่ต้องป่วยเลยก็ได้ หรือหากที่ต้องเป็นโรคเหล่านี้จริง ๆ ก็อาจจะลดความเสี่ยงที่จะอาการหนักและยังสามารถใช้ชีวิตและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ […]
ดูแลหลอดเลือดสมอง ไม่ให้ตีบ-ตัน ก่อนสายเกิน
หากพูดถึงโรคหลอดเลือดสมองหลายคนอาจจะรู้สึกไกลตัว แต่ถ้าที่บ้านใครมีผู้สูงอายุอยากให้ศึกษาโรคนี้ไว้ครับ เพราะผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไปมีความเสี่ยงที่จะป่วยโรคนี้มากขึ้น และความน่ากังวลคือไม่ค่อยมีสัญญาณเตือนหรืออาการที่บ่งบอกแน่ชัดจนสามารถสังเกตได้ รู้จักโรคสมองตีบ-ตันให้มากขึ้น โรคสมองตีบ-ตัน หรือ ที่หลายคนรู้จักในอีกชื่อคือ Ischemic Stroke เป็นภาวะสมองขาดออกซิเจนและเลือด เกิดจากผนังหลอดเลือดหนาจากการที่ไขมันไปสะสมตามผนังหลอดเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนได้ไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งหากผนังหลอดเลือดหนาขึ้นก็จะทำให้เลือดไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงสมองได้ เกิดความเสียหายต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกาย ผู้ป่วยอาจจะไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ ซึ่งในบางรายอาจจะทำให้กลายเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือมีความผิดปกติ ไม่ว่าจะชาครึ่งซีก ตามองไม่เห็น แต่ถ้าผู้ป่วยได้รับการรักษาและวินิจฉัยทันท่วงทีก็อาจจะลดความเสียหายดังกล่าวได้ สถิติที่น่าเป็นกังวลของโรคสมองตีบ-ตัน ปัจจุบันประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ในอนาคตอาจจะมีผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงเป็นโรคสมองตีบ-ตันมากขึ้น โดยพบกว่า 1 ใน 4 ของประชาชนที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้ ซึ่งคาดการณ์ว่าผู้สูงอายุที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวมีโอกาสที่จะเป็นอัมพฤษ์หรืออัมพาตจากการที่ไปโรงพยาบาลไม่ทันมีจำนวนมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลให้เกิดโรคนี้กับผู้คนในสังคมมากขึ้นคือพฤติกรรมการบริโภคอาหาร สภาวะความเครียด และการละเลยการดูแลสุขภาพ สาเหตุของการเกิดหลอดเลือดสมองตีบ-ตัน – ไขมันสะสมตามผนังหลอดเลือดจำนวนมาก ทำให้หลอดเลือดแคบ ขาดความยืดหยุ่น เลือดไม่สามารถไหลเวียนไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ได้ – เกิดลิ่มเลือดขนาดเล็กลอยไปเกาะตามผนังหัวใจและลิ้นหัวใจ ลอยไปตามกระแสเลือดจนไปอุดตันที่สมอง – […]
มาดูเหตุผลว่าวัยไหนก็ควรดูแลหัวใจให้แข็งแรงด้วยฮอร์ธอร์นและโคคิวเท็น
เชื่อว่าหลายคนยังคงมีความเชื่อว่าเรื่อง “หัวใจ” เป็นเรื่องของคนสูงอายุ แต่จริง ๆ การดูแลหัวใจเป็นเรื่องของคนทุกวัย เพราะหัวใจของเราทำงานหนักมาตลอด ยิ่งใครมีใช้ชีวิตบนปัจจัยเสี่ยงก็ยิ่งต้องดูแลสุขภาพหัวใจ โดยไม่ต้องรอให้อายุมาก ชวนดูเหตุผลที่คนทุกวัยต้องเริ่มดูแลหัวใจได้ตั้งแต่วันนี้ เมื่อปี 2563 กลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของคนทั่วโลก ในไทยเองสถิติผู้ป่วยก็มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกวัน โดยมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดกว่า 60,000 รายต่อปี ซึ่งเป็นสถิติที่น่าเป็นกังวลมาก และที่สำคัญคนป่วยโรคหัวใจมีอายุน้อยลงเรื่อย ๆ จากปัจจัยเสี่ยงในการใช้ชีวิต ได้แก่ – ความผิดปกติของหัวใจแต่กำเนิด ซึ่งอาจจะส่งผลให้คนที่อายุไม่มากเป็นโรคหัวใจได้ – สูบบุหรี่จัด บางคนสูบวันละหลายซอง ซึ่งการสูบบุหรี่ส่งผลต่อหัวใจโดยตรง บางคนอายุเพียง 35-40 ปี ก็พบว่าหัวใจของตัวเองมีความผิดปกติแล้ว เนื่องจากบุหรี่มีสารพิษมากมาย และเมื่อสูบบุหรี่ สารพิษจากควันจะเข้าไปสู่กระแสเลือด ทำให้เลือดข้นหนืด ส่งผลให้การไหลเวียนเลือดผิดปกติ จนเกิดเป็นโรคหัวใจได้ – การทำงานหนักและหักโหมในการเล่นกีฬา การใช้ร่างกายในการทำงานหนัก ๆ หรือนักกีฬา มีความเสี่ยงที่จะผนังหัวใจหนาขึ้นได้ – พฤติกรรมการเลือกทานอาหาร นี่ก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลให้คนป่วยโรคหัวใจอายุน้อยลง จากการทานอาหารไขมันสูง น้ำตาลสูง โซเดียมสูง ซึ่งอาหารเหล่านี้ ส่งผลต่อการทำงานของหัวใจทั้งสิ้น […]