น้ำมันมะกอก (Olive oil) เป็นน้ำมันที่ได้จากผลมะกอกซึ่งเป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในแถบเมดิเตอร์เรเนียน น้ำมันมะกอกได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในน้ำมันที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และมีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยเฉพาะในการดูแลหัวใจและความดันโลหิต ประโยชน์ของน้ำมันมะกอกต่อการดูแลหัวใจ ลดระดับไขมันในเลือด: น้ำมันมะกอกมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated fats) สูง ซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) ในเลือด ขณะเดียวกันยังช่วยเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ซึ่งมีผลดีต่อสุขภาพหัวใจ ลดการอักเสบ: สารโพลีฟีนอลที่มีอยู่ในน้ำมันมะกอกมีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยการลดการอักเสบในร่างกายที่สามารถนำไปสู่การเกิดโรคหัวใจ ป้องกันการเกิดลิ่มเลือด: น้ำมันมะกอกช่วยลดการจับตัวของเกล็ดเลือด ทำให้ลดความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือด ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคหัวใจและเส้นเลือดในสมอง ประโยชน์ของน้ำมันมะกอกต่อการดูแลความดันโลหิต ลดความดันโลหิตสูง: การบริโภคน้ำมันมะกอกเป็นประจำสามารถช่วยลดความดันโลหิตสูง โดยเฉพาะในผู้ที่มีความดันโลหิตสูงอยู่แล้ว การศึกษาพบว่าผู้ที่บริโภคน้ำมันมะกอกในปริมาณที่เหมาะสมสามารถลดความดันโลหิตได้อย่างมีนัยสำคัญ เสริมสร้างสุขภาพหลอดเลือด: น้ำมันมะกอกช่วยรักษาความยืดหยุ่นของหลอดเลือด ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดแดงแข็งซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดความดันโลหิตสูง วิธีการบริโภคน้ำมันมะกอก – น้ำมันมะกอกเหมาะสำหรับการใช้ในการปรุงอาหาร เช่น การผัด ทำสลัด หรือใช้เป็นน้ำสลัด เพื่อเพิ่มรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการให้กับอาหาร หรือการบริโภคน้ำมันมะกอกในรูปแบบดิบ เช่น ใช้เป็นน้ำจิ้ม หรือราดบนขนมปัง ช่วยให้ได้คุณค่าทางโภชนาการสูงสุด ควรเลือกน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ (Extra Virgin Olive […]
‘ความดันต่ำ’ อันตรายไม่ต่างจาก ‘ความดันสูง’
เมื่อพูดถึงปัญหาความดันโลหิต คนส่วนใหญ่มักนึกถึง “ความดันโลหิตสูง” เป็นอันดับแรก เนื่องจากเป็นภาวะที่เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด แต่รู้หรือไม่ว่า “ความดันโลหิตต่ำ” ก็เป็นปัญหาสุขภาพที่อันตรายไม่แพ้กัน หากไม่ได้รับการดูแลหรือรักษาอย่างเหมาะสม อาจก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อระบบไหลเวียนเลือดและอวัยวะสำคัญในร่างกาย ความดันโลหิตต่ำคืออะไร? ความดันโลหิตต่ำ (Hypotension) เกิดขึ้นเมื่อค่าความดันโลหิตในร่างกายต่ำกว่าปกติ โดยค่าปกติของความดันโลหิตควรอยู่ในช่วง 120/80 มิลลิเมตรปรอท แต่ถ้าความดันโลหิตลดลงต่ำกว่า 90/60 มิลลิเมตรปรอท อาจถือว่าเป็นความดันโลหิตต่ำ ในบางคนอาจไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ แต่หากความดันต่ำเกินไป อาจทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ หน้ามืด และหมดสติได้ อันตรายจากความดันต่ำ ถึงแม้ว่าความดันโลหิตต่ำอาจดูเหมือนไม่อันตรายเท่ากับความดันโลหิตสูง แต่ความดันโลหิตต่ำสามารถสร้างปัญหาสุขภาพได้มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน หรือเกิดในระยะเวลานานโดยไม่ได้รับการรักษา – เวียนศีรษะ หน้ามืด และหมดสติ เมื่อความดันโลหิตลดลงต่ำ ร่างกายจะไม่สามารถส่งเลือดไปเลี้ยงสมองได้เพียงพอ ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ หน้ามืด หรือหมดสติ ซึ่งอาจเกิดอุบัติเหตุได้หากเกิดขึ้นในสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม เช่น ขณะขับรถหรือขึ้นบันได – หัวใจและไตทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ความดันโลหิตต่ำส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดไม่เพียงพอต่อการส่งออกซิเจนและสารอาหารไปยังอวัยวะสำคัญ เช่น หัวใจและไต หากเป็นระยะเวลานาน อวัยวะเหล่านี้อาจทำงานผิดปกติและนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลวหรือไตวายได้ – ภาวะช็อกจากการไหลเวียนเลือดไม่เพียงพอ […]
ทำไมคนอายุน้อยก็เสี่ยงเป็นโรคความดันโลหิตสูง
โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension) เป็นภาวะที่มีความดันเลือดในหลอดเลือดสูงกว่าปกติ ซึ่งปกติแล้วเรามักจะเห็นผู้ป่วยโรคนี้กับวัยกลางคนหรือผู้สูงอายุ แต่ในปัจจุบันพบว่าคนหนุ่มสาวและวัยรุ่นก็สามารถเสี่ยงเป็นโรคนี้ได้เช่นกัน เรามาดูกันว่าทำไมคนที่อายุยังน้อยถึงมีความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง รวมถึงวิธีการป้องกันและดูแลสุขภาพที่ควรทำตั้งแต่ตอนนี้ ปัจจัยที่ทำให้คนอายุน้อยเสี่ยงเป็นโรคความดันโลหิตสูงเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตเป็นปัจจัยหลัก 1. การบริโภคอาหารที่มีโซเดียมสูง การทานอาหารฟาสต์ฟู้ด ขนมขบเคี้ยว และอาหารที่มีรสเค็มจัดเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคความดันโลหิตสูงได้มากขึ้น โดยหากสังเกตอาหารยอดฮิตในปัจจุบันมักเป็นอาหารที่มีความเค็มสูง รสจัด ซึ่งอาหารรสเหล่านี้มักจะทำให้ผู้คนบริโภคมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว เพราะอาหารที่มีโซเดียมสูงเปิดการรับรสได้ดี จึงทำให้ผู้บริโภคสัมผัสถึงรสอาหารได้มากขึ้น และรับประทานในปริมาณที่มากขึ้นเช่นกัน 2. การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนแอลโดสเตอโรน (aldosterone) สูงขึ้น ทำให้ร่างกายมีการสะสมน้ำและโซเดียมมากกว่าปกติ หากดื่มเป็นประจำก็จะเกิดโรคความดันโลหิตสูงได้ ส่วนการดื่มคาเฟอีนเป็นประจำจะทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น เนื่องจากคาเฟอีนจะไปกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง นอกจากจะทำให้ติดแล้ว ยังทำให้ร่างกายตื่นตัว การดื่มคาเฟอีนในปริมาณมากในเวลาใกล้เคียงกัน เพราะอาจทำให้ความดันโลหิตทั้งขณะหัวใจบีบตัวและคลายตัวเพิ่มขึ้นด้วย 3. การไม่ออกกำลังกาย ในคนที่มีความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์ปกติ การออกกำลังกายจะช่วยลดความดันโลหิตให้อยู่ในระดับที่ดีได้ มีการศึกษาว่าการออกกำลังกายแบบแอโรบิค (Aerobic) สามารถช่วยลดความดันโลหิตในค่า Systolic ได้ประมาณ 2-3 mmHG และยังพบว่าถ้าความดันโลหิตลดลงอย่างน้อย 2 mmHG จะส่งผลให้ลดความเสี่ยงต่อการเกิดหลอดเลือดสมองตีบหรือแตกได้ (Stroke ) ได้ถึงร้อยละ 14 และลดความเสี่ยงต่อการที่จะเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ร้อยละ 9 การออกกำลังจึงเป็นหนึ่งปัจจัยที่สำคัญในการรักษา […]










