จามติดต่อกันเป็นวัน ๆ น้ำมูกไหล ดวงตาล้า รู้สึกอ่อนเพลีย คล้ายจะมีไข้ แต่พอได้พักผ่อนก็อาการดีขึ้น ที่สำคัญอาการเหล่านี้ไม่เคยเป็นเลยทั้งชีวิต ไม่ได้มีประวัติภูมิแพ้ และเกิดขึ้นในวัยผู้ใหญ่ นี่อาจจะเป็นสัญญาณของ “ภาวะจมูกไว” ที่คล้ายภูมิแพ้แต่ไม่ใช่ มาดูกันว่าโรคนี้คืออะไรและมีวิธีการป้องกันอย่างไร ภาวะจมูกไว คืออะไร? ภาวะจมูกไว หรือที่เรียกว่า Non-Allergic Rhinitis (NAR) เป็นอาการที่คล้ายกับโรคภูมิแพ้ทางจมูก (Allergic Rhinitis) แต่เกิดจากสาเหตุที่ไม่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันของร่างกาย คนที่มีภาวะนี้จะมีอาการคล้ายกับโรคภูมิแพ้ เช่น น้ำมูกไหล คัดจมูก จาม และคันจมูก แต่ไม่ได้เกิดจากการแพ้สารก่อภูมิแพ้เช่น ฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ หรือสารเคมีบางชนิด สาเหตุของภาวะจมูกไว ภาวะจมูกไวสามารถเกิดจากหลายสาเหตุที่ไม่เกี่ยวข้องกับการแพ้ โดยทั่วไปแล้วแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่คือ 1. สาเหตุที่เกิดจากปัจจัยทางกายภาพและเคมี – การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิหรือความชื้น – กลิ่นแรง เช่น น้ำหอม สารเคมีในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด – มลพิษทางอากาศ เช่น ควันบุหรี่ […]
ชวนรู้จัก “โรคคนแข็ง” โรคหายากที่เกิดจากภูมิคุ้มกันผิดปกติ
โรคคนแข็ง หรือที่เรียกในทางการแพทย์ว่า Stiff Person Syndrome (SPS) เป็นโรคหายากที่มีลักษณะการเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติ ส่งผลให้กล้ามเนื้อของผู้ป่วยเกิดการแข็งและหดเกร็งอย่างผิดปกติ โรคนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้ป่วยมีความลำบากในการเคลื่อนไหว แต่ยังส่งผลต่อคุณภาพชีวิตในด้านอื่น ๆ ด้วย ชวนรู้จัก “โรคคนแข็ง” อาการ สาเหตุ และวิธีป้องกันโรคกันครับ “โรคคนแข็ง” โรคหายากที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกัน โรคคนแข็งเป็นโรคที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติ ซึ่งระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายโจมตีตัวเอง โดยเฉพาะโปรตีนที่ชื่อว่า GAD (Glutamic Acid Decarboxylase) ที่มีบทบาทในการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่แท้จริงของโรคนี้ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่มีปัจจัยบางอย่างที่อาจมีส่วนในการเกิดโรค อาทิ ปัจจัยทางพันธุกรรม: การมีประวัติครอบครัวที่เป็นโรคภูมิคุ้มกันผิดปกติอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคคนแข็ง การติดเชื้อ: บางกรณีการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียอาจกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันโจมตีร่างกายตัวเอง การวินิจฉัยและการรักษา การวินิจฉัยโรคคนแข็งต้องอาศัยการตรวจทางการแพทย์ที่ละเอียดและครอบคลุม เช่น การตรวจเลือดเพื่อหาปริมาณแอนติบอดีต่อโปรตีน GAD การตรวจระบบประสาท และการตรวจกล้ามเนื้อ อาการของโรคคนแข็งเป็นอย่างไร? โรคคนแข็งมีอาการที่หลากหลายและแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่อาการหลักที่พบได้บ่อย ได้แก่ 1. กล้ามเนื้อแข็งและเกร็ง ผู้ป่วยจะรู้สึกว่ากล้ามเนื้อของตนเองแข็งและเกร็งตลอดเวลา โดยเฉพาะที่ลำตัวและขา 2. กล้ามเนื้อหดเกร็งเป็นระยะ บางครั้งกล้ามเนื้ออาจเกิดการหดเกร็งอย่างรุนแรง […]
ยิ่งอากาศร้อน ยิ่งทานหวาน เสี่ยงภูมิตก โรคเรื้อรัง
ในสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นทุก ๆ ปี ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการดื่มเครื่องดื่มหรือของหวานเย็น ๆ เพื่อคลายร้อน ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น นั่นเพราะร่างกายสูญเสียน้ำอาจจะจากเหงื่อออก ทำให้ร่างกายต้องการพลังงานมากขึ้น น้ำหวานหรือขนมหวานจึงตอบโจทย์ในช่วงหน้าร้อนได้ดี แต่การทานน้ำตาลมากเกินไปอาจนำไปสู่ผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำให้ภูมิคุ้มกันตกและเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังในอนาคตได้ด้วย ทำไมการทานหวานถึงเสี่ยงภูมิคุ้มกันตก? น้ำตาลส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันโดยตรง การบริโภคน้ำตาลมากเกินไปสามารถยับยั้งการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวซึ่งมีบทบาทในการต่อสู้กับเชื้อโรค นั่นหมายความว่าการทานอาหารหวานเป็นประจำอาจทำให้คุณเสี่ยงต่อการติดเชื้อง่ายขึ้นในระยะยาว หรือกระทั่งเสี่ยงที่จะเป็นโรคอ้วนหรือโรคเบาหวาน ซึ่งเป็นประตูสู่โรคไม่ติดต่อเรื้อรังอีกมากมายได้ด้วย น้ำตาลคือสาเหตุหลักของการเป็นโรคติดต่อเรื้อรัง การบริโภคน้ำตาลสูงเกี่ยวข้องกับโรคเรื้อรังหลายชนิด อย่าง โรคหัวใจ โรคเบาหวานชนิดที่ 2 และโรคอ้วน การทานน้ำตาลมากเกินไปสามารถเพิ่มระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือดตีบตันได้ด้วย เนื่องจากน้ำตาลที่รับประทานเข้าไปหากร่างกายนำไปใช้ไม่หมดจะเปลี่ยนไปเป็นไขมันในเลือด ซึ่งไขมันเหล่านี้จะไม่มีสลายไปง่าย ๆ จะไปเกาะตามผนังหลอดเลือด ทำให้เส้นเลือดอุดตันและเสี่ยงที่จะหัวใจวายเฉียบพลันได้ด้วย น้ำตาลยังเสี่ยงทำให้เกิดการติดเชื้ออักเสบได้ง่าย น้ำตาลเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย และการติดเชื้อได้ง่ายกว่าปกติ เพราะภูมิคุ้มกันไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ อาจจะส่งผลให้ป่วยได้ง่าย เป็นแผลก็หายช้า เกิดภาวะการอักเสบตามร่างกายได้ง่าย โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่อาจจะทำให้เกิดโรคข้ออักเสบได้อีกด้วย หน้าร้อนกับการทานในปริมาณน้ำตาลที่แนะนำ องค์การอนามัยโลกแนะนำว่าปริมาณน้ำตาลที่ควรบริโภคต่อวันไม่ควรเกิน 10% ของพลังงานรวม สำหรับผู้ใหญ่ที่บริโภคพลังงาน 2,000 กิโลแคลอรีต่อวัน ควรบริโภคน้ำตาลไม่เกิน 24 […]










