ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปัญหามลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือที่เรียกว่า PM2.5 ได้กลายเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญในประเทศไทย ฝุ่นPM2.5 สามารถแทรกซึมเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจและกระแสเลือด ส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว โดยข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า ในปี 2567 มีผู้ป่วยโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศกว่า 9.4 ล้านคน นอกจากนี้ ในช่วง 4 สัปดาห์แรกของปี 2568 พบผู้ป่วยจากฝุ่น PM2.5 เพิ่มขึ้นถึง 178,773 ราย โดยกลุ่มผู้สูงอายุได้รับผลกระทบมากที่สุด ที่น่ากังวลยิ่งไปกว่านั้น PM2.5 ยังทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้เรามีความเสี่ยงสูงขึ้นต่อการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย ดังนั้นการป้องกันและดูแลสุขภาพให้แข็งแรงจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรับมือกับวิกฤติฝุ่นพิษและมลภาวะที่เราเลี่ยงได้ยากนี้ PM2.5 กับโรคทางเดินหายใจ 1. โรคหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) PM2.5 กระตุ้นให้เกิดการอักเสบในปอด ทำให้หลอดลมตีบและระคายเคือง ส่งผลให้ผู้ที่เป็นโรคหืดมีอาการกำเริบมากขึ้น และในระยะยาวอาจนำไปสู่โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้คนป่วยเป็นโรคทางเดินระบบหายใจเรื้อรัง ลุกลาม และรักษาให้หายขาดยาก โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้สูงอายุ และเด็กที่ปอดยังไม่เจริญเติบโตเต็มที่ 2. โรคปอดบวมและการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ฝุ่น PM2.5 ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในปอดอ่อนแอลง เพิ่มโอกาสการติดเชื้อจากไวรัสและแบคทีเรีย […]
ผักดิบที่ไม่ควรทานมากเกินไป เสี่ยงต่อภูมิคุ้มกันตก
การรับประทานผักสดหรือผักดิบเป็นที่นิยมของคนไทยหลายคน เพราะใช้รับประทานแกล้มร่วมกับอาหารอื่น ๆ เช่น น้ำพริก แม้การบริโภคผักจะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและมีประโยชน์ แต่การทานผักที่ดิบบางชนิดในปริมาณมากเกินไป อาจส่งผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันและสุขภาพในระยะยาว มาดูกันว่าการทานผักประเภทไหนบ้างที่มีความเสี่ยงก่อโรค และควรเลือกรับประทานอย่างไร ผักดิบที่ไม่ควรบริโภคมากเกินไป 1. ผักโขม (Spinach) ผักโขมมีสารออกซาเลต (Oxalate) สูง ซึ่งอาจขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมในร่างกาย หากบริโภคในปริมาณมากอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในไต นอกจากนี้ ออกซาเลตยังอาจทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอหากร่างกายขาดสารอาหารที่สำคัญ 2. กะหล่ำปลีและบรอกโคลี (Cabbage & Broccoli) ผักในกลุ่ม Cruciferous เช่น กะหล่ำปลีและบรอกโคลี มีสารกอยโตรเจน (Goitrogens) ที่อาจขัดขวางการทำงานของต่อมไทรอยด์ หากบริโภคในปริมาณมากต่อเนื่อง อาจส่งผลต่อสมดุลฮอร์โมนและภูมิคุ้มกัน 3. ถั่วงอกดิบ (Raw Sprouts) ถั่วงอกดิบมีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนแบคทีเรีย เช่น ซัลโมเนลลา (Salmonella) และอีโคไล (E. coli) ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษและระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง โดยเฉพาะในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น เด็กและผู้สูงอายุ 4. หน่อไม้ดิบ (Raw Bamboo […]
ดู ‘เล็บ’ บอกโรค ภูมิคุ้มกันต่ำสังเกตได้
เล็บเป็นหนึ่งในอวัยวะที่หลายคนมักมองข้าม ยกเว้นเมื่อใช้ตกแต่งเพื่อความสวยงาม แต่รู้หรือไม่ว่า เล็บสามารถบ่งบอกถึงสุขภาพภายในของร่างกายได้ โดยเฉพาะเมื่อภูมิคุ้มกันต่ำ โดยสังเกตจากรูปร่าง สี และความแข็งแรงของเล็บ มาดูกันว่าเราสามารถสังเกตความผิดปกติของเล็บเพื่อบอกถึงภาวะภูมิคุ้มกันต่ำและโรคอื่น ๆ ได้อย่างไรบ้างครับ 1. เล็บเปราะบางและแตกหักง่าย เล็บที่เปราะและแตกง่าย อาจบ่งบอกถึงการขาดสารอาหารสำคัญ เช่น โปรตีน ไบโอติน และธาตุเหล็ก ซึ่งจำเป็นต่อการเสริมสร้างเล็บและภูมิคุ้มกัน หากร่างกาย การขาดสารอาหารเหล่านี้ทำให้เล็บไม่แข็งแรงและแตกง่าย สัญญาณนี้ยังบอกได้ว่าระบบภูมิคุ้มกันกำลังอ่อนแอและต้องการสารอาหารเพื่อฟื้นฟู 2. เล็บซีดจางหรือมีสีขาวบนผิวเล็บ เล็บที่มีสีซีดจางหรือมีรอยขาวเป็นจุด ๆ อาจบ่งบอกถึงภาวะโลหิตจาง ซึ่งเกิดจากการขาดธาตุเหล็ก ส่งผลกระทบต่อภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรคได้น้อยลงทั้ง ยังทำให้ร่างกายขาดพลังงาน รู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ร่างกายไม่พร้อมสำหรับทำกิจกรรมในแต่ละวันด้วย 3. เส้นแนวนอนบนเล็บ (Beau’s Lines) หากสังเกตเห็นเส้นแนวนอนบนเล็บ หรือที่เรียกว่า Beau’s Lines อาจเป็นสัญญาณว่าร่างกายเคยประสบภาวะเครียดอย่างรุนแรง อาจเกิดจากการติดเชื้อหรือการป่วยหนักที่ทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำลง การเจริญเติบโตของเล็บจะหยุดชั่วคราวนั่นเอง 4. เล็บเหลืองและหนาขึ้น เล็บเหลืองและหนา อาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อรา หรือแบคทีเรีย ซึ่งสะท้อนว่าภูมิคุ้มกันอ่อนแอจนต้านทานเชื้อโรคไม่ได้ การติดเชื้อที่เล็บสามารถลุกลามและทำให้เล็บเสียรูปทรงได้ นอกจากนี้เล็บที่มีเหลืองยังอาจเกี่ยวข้องกับโรคปอดหรือโรคทางเดินหายใจที่ส่งผลกระทบต่อภูมิคุ้มกันได้อีกด้วย 5. […]










