พูดเรื่องการรับประทานอาหารรสเค็ม หลายคนอาจจะคิดถึง “โรคไต” แต่จริง ๆ การกินอาหารรสเค็มมีผลกระทบต่อสุขภาพมากกว่าที่หลายคนเข้าใจ โดยเฉพาะการเกิดโรคที่เกี่ยวกับความดันโลหิตสูงและหลอดเลือด รวมไปถึงหัวใจด้วย ยิ่งเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นโรคเหล่านี้ การรับประทานอาหารรสเค็มยิ่งจะไปทำให้โรครุนแรงกว่าเดิม ทำไมการติดรสเค็มถึงอันตรายกว่าที่คิด? มีการศึกษาว่ารสอะไรที่ทำให้คนรับประทานอาหารได้มากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ (Overeating) โดยรสเค็มเป็นรสที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการรับประทานอาหารมากที่สุด คือ รสเค็ม เนื่องจากรสเค็มไปกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารโดปามีน ซึ่งทำให้ร่างกายรู้สึกพึงพอใจ มีความสุข ทำให้เกิดความอยากอาหาร และทำให้สมองระลึกถึงรสความอร่อยที่เป็นรสเค็มได้มากกว่ารสอื่น ๆ เมื่อรับประทานอาหารรสอื่น ๆ ที่ไม่เค็มก็จะรู้สึกอาหารไม่อร่อย หงุดหงิด จึงทำให้คนที่ติดรสเค็มเสี่ยงที่จะเกิดภาวะน้ำหนักขึ้นเร็วหรือโรคอ้วนได้ง่าย เนื่องจากรับประทานอาหารมากกว่าปกติเมื่อได้ทานอาหารรสเค็ม อาหารติดเค็มเสี่ยงต่อผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ ผู้ป่วยความดันโลหิตสูง จะมีความผิดปกติของค่าความดันอยู่แล้ว ซึ่งการบริโภคอาหารรสเค็มยิ่งไปกระตุ้นให้ร่างกายเกิดภาวะความดันไม่ปกติ เนื่องจากร่างกายจะดูดน้ำกลับเข้าสู่กระแสเลือดเพื่อลดปริมาณเกลือลง จึงทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นหากผู้ป่วยบริโภคอาหารรสเค็มจัด ทั้งยังเสี่ยงที่จะทำให้เกิดภาวะช็อกจากการที่ร่างกายต้องพยายามปรับสมดุลด้วย ผู้ป่วยเปราะบางอย่างผู้อาวุโส หรือผู้ป่วยโรคเรื้อรังอื่น ๆ อาจจะเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ ผู้ป่วยโรคหัวใจ ซึ่งจำเป็นอย่างมากจะต้องรักษาระดับความดันโลหิตให้คงที่ เพื่อให้หัวใจยังคงรักษาความสมดุลและสามารถทำหน้าที่ได้ในขณะที่รักษา แต่หากมีภาวะความดันโลหิตสูงเนื่องจากรับประทานอาหารรสเค็มอย่างต่อเนื่อง อาจจะเสี่ยงที่จะนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลว หลอดเลือดในสมองแตก เพราะมีปริมาณเกลือในกระแสเลือดและร่างกายขับออกไม่ทัน สิ่งสำคัญในการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจคือควบคุมปริมาณเกลือหรือโซเดียมในอาหารทุกมื้อ เสริมการดูแลผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจด้วยสารสกัดจากฮอร์ธอร์น สำหรับผู้ป่วยที่ดูแลสุขภาพช่วงที่เผชิญกับโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ ซึ่งสองโรคนี้มีความเกี่ยวโยงกันอย่างแยกไม่ออก แนะนำรับประทานสารสกัดจากฮอร์ธอร์นเพิ่ม เพื่อบำรุงและกระตุ้นให้หัวใจและหลอดเลือดทำงานได้ดีขึ้น ช่วยให้กล้ามเนื้อหลอดเลือดขยายตัว มีความยืดหยุ่น ให้เลือดสามารถไหลเวียนได้ดี […]