โรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (Autoimmune) คืออะไร และป้องกันอย่างไร

Autoimmune

ต้องยอมรับว่าตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 ทำให้ปัจจุบันมีโรคแปลก ๆ ที่เราอาจจะไม่ได้เคยได้ยินชื่อเกิดใหม่มากมาย เช่น โรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (Autoimmune) หลายคนอาจจะเข้าใจว่าเหมือนโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (SLE) หรือไม่ ที่จริงแล้วมีความแตกต่างและอาจจะต้องใช้วิธีการรักษาที่แตกต่างออกไป ดังนั้น เรามาทำความรู้จักโรคนี้และวิธีการป้องกันกันครับ

 

โรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (Autoimmune) คืออะไร

โรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง หรือ ภูมิเพี้ยน เกิดจากระบบร่างกายทำงานผิดเพี้ยนจากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายต้องปกป้องร่างกายจากสิ่งแปลกปลอม สารเคมี หรือเชื้อโรค แต่กลับไม่สามารถแยกสิ่งแปลกปลอมเหล่านั้นกับเซลล์เชื้อโรคได้ จึงได้ทำลายเซลล์ดีจนทำให้เกิดความผิดปกติกับร่างกาย โดยการสร้างโปรตีนชื่อ Autotimmune Antibody ย้อนกลับมาทำลายเซลล์ในร่างกายของตัวเอง

 

จากความผิดปกติของการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกัน แทนที่จะปกป้องร่างกายจากเชื้อโรค หรือสิ่งแปลกปลอมภายนอกร่างกาย แต่กลับเข้าใจผิดมาทำลายเซลล์ปกติต่าง ๆ ของร่างกายเราแทน จึงส่งผลให้ร่างกายแสดงอาการของโรคออกมาให้เห็นภายนอกอย่างชัดเจน เช่น มีตุ่มพุพอง เป็นโรคสะเก็ดเงิน เป็นโรคหนังแข็ง ผิวหนังเป็นแผลเรื้อรัง มีแผลในปากและเพดานปาก ผื่นแดงเป็นวง คันไม่หาย ผิวหนังแดงแสบร้อนทรมานตลอดเวลา

 

สาเหตุของโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง

โรคนี้เกิดได้จากหลายสาเหตุ หนึ่งในนั้นคือกรรมพันธุ์ โดยมีการศึกษาว่าสารพันธุกรรมบางชนิดส่งผลต่อการเกิดโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง ซึ่งหากมีเซลล์มีฝังอยู่ในสารพันธุกรรมแล้วมีปัจจัยภายนอกมากระตุ้นเพิ่มก็อาจจะแสดงอาการชัดเจนมากขึ้นได้ ซึ่งปัจจัยที่กระตุ้น เช่น

– สารพิษจากเคมี เมื่อร่างกายไปสัมผัสกับสารพิษอาจจะทำให้ภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติได้ หรือการสัมผัสกับอากาศที่เป็นพิษนาน ๆ ด้วย เช่น การสูดดม PM2.5 เป็นประจำ

– ความเครียด การที่ร่างกายมีภาวะเครียด ทั้งเนื้อเยื่อ กล้ามเนื้อ และเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายก็จะเครียดไปด้วยไม่ต่างกัน ฉะนั้นภูมิคุ้มกันในร่างกายก็จะต้องทำงานหนักมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

– ความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร หลายคนอาจจะมองว่าไม่เกี่ยว แต่หากระบบทางเดินอาหารทำงานผิดปกติจากการเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด การกลืนเร็ว หรือทานอาหารที่แพ้ไม่รู้ตัว ก็อาจจะทำให้เกิดปฏิกิริยาการอักเสบได้ ซึ่งส่งผลให้เซลล์เยื่อบุต่าง ๆ อักเสบ ระคายเคือง และลำไส้รั่ว รอยแผลในกระเพาะ ซึ่งอาจจะส่งผลให้เกิดการติดเชื้อต่าง ๆ ได้มากขึ้นนั่นเอง

 

โรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเองสามารถรักษาได้

ปัจจุบันโรคภูมิคุ้มทำลายตนเองสามารถรักษาได้ และผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ หากได้รับการวินิจฉัยอย่างรวดเร็วและการรักษาถูกต้อง โดยการใช้ยาร่วมไปกับการวางแผนการดูแลตัวเองของคนไข้ ซึ่งต้องใช้การบูรณาการทางการแพทย์หลายแขนง และที่สำคัญคือคนไข้ต้องมีวินัยและปฏิบัติตามคำสั่งของคุณหมออย่างเคร่งครัด

 

ป้องกันโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเองได้อย่างไรบ้าง?

แม้โรคภูมิคุ้มทำลายตนเองจะมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย และเราอาจจะไม่สามารถรู้ได้มาก่อนว่าเรามีความผิดปกติทางพันธุกรรมหรือไม่ ฉะนั้นการดูแลตัวเองโดยเฉพาะภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงจึงเป็นเรื่องจำเป็นอยู่เสมอ การรับประทานสารสกัดจากเบต้ากลูแคนเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดีและมีประสิทธิภาพ ทั้งยังสะดวกและปลอดภัย หากคนที่ใส่ใจสุขภาพอยากดูแลด้านภูมิคุ้มกัน เพราะเบต้ากลูแคนสามารถเข้าไปกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันได้ดี ช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวให้ทำงานอย่างสมดุลและมีประสิทธิภาพ ที่มีหน้าที่สำคัญในการปกป้องร่างกายจากสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ที่จะเข้าสู่ร่างกาย ทั้งยังลดการอักเสบ และติดเชื้อ ที่สำคัญมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการผิดพลาดในการทำงานของเซลล์อีกด้วย

 

แม้โรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเองจะเป็นโรคที่ไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ แต่การดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอก็จะสามารถช่วยป้องกันเราจากโรคร้ายต่าง ๆ ได้มากยิ่งขึ้นนะครับ เพราะไม่มีใครอยากป่วยหรือเป็นโรคแน่นอน

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

TOP