รักษาการแพ้ไรฝุ่นด้วยการเสริมภูมิคุ้มกัน
ทราบไหมครับว่า ในปี 2562 นั้น ยอดของผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ของคนไทย พุ่งสูงเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย โดยพบว่าผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ในประเทศไทย มีอาการแพ้ไรฝุ่นมากเป็นอันดับ 1 ถึง 70-80%
“ไรฝุ่น” มองไม่เห็น แต่เป็นปัญหาใหญ่
โดยปกติไรฝุ่นที่พบตามบ้านทั่วไป จะมี 2 สายพันธุ์ครับ นั่น คือ Dermatophagoides Pteronyssinus และ Dermatophagoides Farina ซึ่งมีขนาดเล็กมาก ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งในการทดลองเลี้ยงไรฝุ่นพบว่าเจริญเติบโตได้ดีในสถานที่ ที่มีอุณหภูมิ 45 เซลเซียสและความชื้นสัมพัทธ์ร้อยละ 75 และพบว่าในสิ่งแวดล้อมดังกล่าวทำให้เชื้อราที่เจริญบนซากผิวหนังของมนุษย์และสัตว์เลี้ยงที่หลุดลอกออกมา ถือเป็นอาหารของไรฝุ่น ยิ่งมีอาหารปริมาณมากยิ่งทำให้ไรฝุ่นเจริญเติบโตดีตามไปด้วยครับ และบริเวณของบ้านที่พบไรฝุ่นปริมาณมากมักจะเป็น ที่นอน หมอน โซฟา พรมและตู้เสื้อผ้านั่นเอง
การป้องกันและรักษาอาการภูมิแพ้จากไรฝุ่น
ในปัจจุบันแนวทางการรักษาโรคภูมิแพ้นั้น ความจริงแล้วการใช้วิธีใดวิธีหนึ่งเพียงวิธีเดียวอาจไม่มีประสิทธิภาพดีเท่าที่ควร ซึ่งแพทย์แนะนำว่าควรใช้หลายๆ วิธีร่วมกัน ทั้งการออกกำลังกาย การใช้ยารักษาเข้าร่วม ไม่ว่าจะเป็นยาพ่นจมูก หรือปาก การทานอาหารเสริมที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน หรือการฉีดวัคซีนป้องกันภูมิแพ้ เป็นต้น
และวันนี้ YOUR มี 10 วิธีป้องกันอาการภูมิแพ้มาฝากกันครับ
1. ทำความสะอาดร่างกายอย่างสม่ำเสมอ
ควรอาบน้ำทันทีที่กลับเข้าบ้าน เพื่อเป็นการกำจัดเศษฝุ่นละอองที่อาจติดตามตัวเวลาอยู่ข้างนอก อีกทั้งเศษฝุ่นที่ติดอยู่กับร่างกายแล้วไม่ได้รับการชำระล้างออกไปก็อาจจะลอยวนอยู่ในบ้านของเราอีกต่างหาก
2. ทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ
ควรทำความสะอาดที่อยู่อาศัยอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะห้องนอนจะต้องได้รับการดูแลมากเป็นพิเศษ เพราะไม่ว่าจะหมอน ที่นอน หรือผ้าห่ม รวมถึงพรมและโซฟาด้วยครับ
3. ใส่เสื้อผ้าที่สะอาด
เสื้อผ้าที่สะอาดเป็นอีกปัจจัยที่จะช่วยป้องกันการเกิดโรคภูมิแพ้ได้ เพราะเวลาที่เราออกไปข้างนอกบ้านเสื้อผ้าถือจะกลายแหล่งสะสมของฝุ่นและเป็นตัวนำพาฝุ่นเข้ามาในบ้านของเรานั่นเอง
4. รักษาอุณหภูมิของร่างกายให้อบอุ่นเสมอ
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคภูมิแพ้ เราควรจะรักษาอุณหภูมิร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่หนาวและร้อนจัดเกินไปหรือการที่อุณหภูมิเปลี่ยนขึ้นลงอย่างรวดเร็ว เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่จะส่งผลให้ภูมิต้านทานของเราต้องทำงานหนักขึ้น และทำให้ร่างกายอ่อนแอจนเกิดอาการภูมิแพ้ได้นั่นเอง
5. ออกกำลังกายเป็นประจำ
การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอถือเป็นวิธีป้องกันและช่วยบรรเทาอาการของโรคภูมิแพ้ได้ดีที่สุดวิธีหนึ่ง เพราะการออกกำลังกายจะช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แข็งแรง และช่วยซ่อมแซมภูมิคุ้มกันที่บกพร่องให้กลับมาทำงานได้ดีดังเดิมครับ
6. พักผ่อนให้เพียงพอ
การพักผ่อนที่เพียงพอจะช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แข็งแรง ในแต่ละวันจึงควรนอนอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงขึ้นไป เพื่อนๆ สามารถลองสังเกตดูได้ครับ ว่าถ้าหากช่วงไหนที่พักผ่อนน้อยคุณจะรู้สึกอ่อนเพลียและป่วยง่ายเนื่องจากร่างกายมีภูมิต้านทานต่ำลง นอกจากนี้การพักผ่อนน้อยจะทำให้สารฮิสตามีนซึ่งเป็นสารสำคัญที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้หลั่งออกมามากขึ้นอีกด้วย
7. ทานอาหารหรืออาหารเสริมที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน
การเลือกทานอาหารหรืออาหารเสริมที่มีโภชนาการสูงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยลดความเสี่ยงหรือช่วยบรรเทาอาการของโรคภูมิแพ้ได้ เพราะสารอาหารหลายอย่างสามารถช่วยเรื่องการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรงและทำงานได้อย่างเป็นปกติ โดยเฉพาะอาหารเสริมประเภทเบต้ากลูแคน ที่ช่วยปรับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเรา ทำให้เม็ดเลือดขาวทำงานได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ซึ่งเบต้ากลูแคนจะเข้าไปลดสารที่กระตุ้นให้ร่างกายเกิดอาการภูมิแพ้ อีกทั้งยังควบคุมไม่ให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานมากเกินไปครับ
8. หลีกเลี่ยงความเครียด
ความเครียดนั้นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้ครับ เพราะเมื่อไหร่ที่เราเครียด ร่างกายจะผลิตสารฮิสตามีนเพิ่มขึ้น จึงทำให้เสี่ยงที่จะเกิดเป็นโรคภูมิแพ้ตามมานั่นเอง
9. หยุดพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อร่างกาย
ถ้าอยากจะป้องกันตัวเองจากโรคภูมิแพ้เพื่อนๆ ควรงด การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ เพราะพฤติกรรมเหล่านี้จะทำให้ร่างกายอ่อนแอ และเป็นต้นเหตุให้ภูมิคุ้มกันลดลง
10. หลีกเลี่ยงสารเคมีที่เป็นตัวก่อภูมิแพ้
ลองสังเกตดูว่า ผลิตภัณฑ์รอบตัวเรานั้น มีสารเคมีเหล่านี้หรือไม่ ไม่ว่าจะในสบู่ ยาสระผม หรือเครื่องสำอาง ซึ่งถึงแม้จะมีแค่เพียงเล็กน้อยแต่ถ้าใช้อย่างต่อเนื่องก็มีความเสี่ยงที่สารเคมีเหล่านี้จะก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้ครับ วิธีง่ายๆ ก็คือพยายามหลีกเลี่ยงข้าวของเครื่องใช้ที่มีการผสมสารเคมี อย่างสารปรอท เสตียรอยด์ หรือสารเคมีที่ฤทธิ์เป็นกรดอื่น เป็นต้น
ถึงแม้ว่าโรคภูมิแพ้จะเป็นอาการที่มากวนใจเราได้อยู่ตลอดเวลา แต่ภูมิแพ้นั้นแก้ได้ เพียงแค่เรารักษาความสะอาด และดูแลตัวเองให้มีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงอยู่เสมอครับ