WFH นาน อยากทานแต่ของหวาน ต้องระวังอะไรบ้าง?

ของหวาน

โควิด-19 ทำให้หลายคนต้อง Work From Home มานานมากๆ บางบริษัทอาจจะมีนโยบายให้ทำงานที่บ้านมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ปัญหาที่หลายคนเจอเหมือนกันคืออาการเบื่ออาหาร ไม่อยากทานอะไรนอกจากของหวาน ทำไมถึงเป็นอย่างนี้? และภาวะแบบนี้เราต้องระวังอะไรบ้าง?

ทำไม WFH นาน ๆ ถึงอยากทานแต่ของหวาน?

การที่ต้องกักตัวหรือทำงานอยู่บ้านเป็นเวลานาน ค่อนข้างขัดกับธรรมชาติของมนุษย์ที่ต้องการพบปะ พูดคุย และปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ความอยากทานของหวานเป็นภาวะหนึ่งที่สมองตอบสนองเวลาที่เราวิตกกังวล เครียด อึดอัด จากการที่ต้องปลีกตัวจากสังคม ไม่ได้ทำอะไรที่เคยทำ ส่งผลให้เกิดความเครียด อ่อนล้า ร่างกายจึงต้องการพลังงานเข้าไปเติมเต็ม ซึ่งพลังงานที่หาง่ายที่สุดก็คือ “กลูโคส” หรือ โมเลกุลหนึ่งของน้ำตาลนั่นเอง

เมื่อเราให้น้ำตาลแก่ร่างกายหรือการเติมกลูโคสเข้าระบบเลือดแล้วนั้น สมองจะรับรู้ถึงภาวะเครียดที่ลดลง แล้วก็ค่อย ๆ ให้เราคลายความกังวลนั้นได้ชั่วคราว หลายคนอาจจะคิดว่าการรู้สึกแบบนี้บ่อย ๆ ทำให้เราต้องทานน้ำตาลในปริมาณมากตลอดเลยหรือเปล่า? การทานดีกว่าไม่ทานนะครับ เพราะไม่เช่นนั้นร่างกายจะเกิดความเครียดสะสม และเป็นปัญหาความเครียดเรื้อรังที่แก้ยากมากกว่า

การรับประทานของหวานในปริมาณมากต้องระวังอะไรบ้าง

– น้ำหนักขึ้นเร็ว เรื่องนี้ทุกคนน่าจะทราบดี ว่าการรับประทานของหวานบ่อยจะทำให้น้ำหนักขึ้นเร็วมาก ๆ ยิ่งการ WFH เราแทบจะไม่ได้ขยับร่างกายเลย ยิ่งทำให้น้ำตาลที่เราทานเข้าไปยิ่งไปสะสมเป็นไขมันตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย

– ไขมันในเลือดสูง/ คอเลสเตอรอลสูง น้ำตาลจะถูกแปรเปลี่ยนเป็นไขมัน เป็นประเภทไขมันที่ไม่ดีเสียด้วย ส่งผลให้ปริมาณคอเลสเตอรอลของเราสูงตามไปด้วย

– เสี่ยงเป็นเบาหวาน หลายคนอาจจะคิดว่าเราอายุน้อยยังไม่เป็นเบาหวานง่าย ๆ แต่เบาหวานสามารถเป็นได้ตั้งแต่อายุน้อยก็มีนะครับ การบริโภคอาหารประเภทแป้งหรือน้ำตาลในปริมาณมาก ต่อเนื่อง และไม่ได้นำพลังานเหล่านั้นไปใช้เลย ระบบเมแทบอลิซึมของร่างกายเราก็ทำงานไม่ปกติแล้วครับ เสี่ยงที่จะเป็นเบาหวานได้เหมือนคนอายุมากได้เช่นกัน

มาดูวิธีการเลือกรับประทานของหวาน ป้องกันโรค

– เลือกของหวานที่ใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล ปัจจุบันได้รับความนิยมมาก ๆ แม้จะมีปริมาณแคลอรีน้อยมากเมื่อเทียบกับน้ำตาลจริง แต่หากรับประทานบ่อย ก็จะทำให้เราติดรสหวานโดยไม่รู้ตัวนะครับ ฉะนั้นทางที่ดีทานในปริมาณน้อย หรือค่อย ๆ ลดปริมาณลง

– ลดความหวาน หลายคนเป็นสายหวาน 100% อาจจะค่อยๆ ลดประมาณน้ำตาลลง เป็นหวาน 75% หรือ 50% และค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ จะเป็นการดีครับ

– เลือกเป็นความหวานจากผลไม้แทน เช่น ฝรั่ง แอปเปิ้ล แก้วมังกร กีวี่ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี ผลไม้พวกนี้มีน้ำตาลน้อย มีวิตามินซีสูง ช่วยเรื่องสายตา และลดคอเลสเตอรอลได้ดี

– แบ่งทาน เช่น ขนมเค้ก 1 ชิ้น อาจจะแบ่งทาน 2 วัน หรือน้ำอัดลม 200 มิลลิลิตร อาจจะแบ่งทาง 3 วัน เป็นการเกลี่ยปริมาณน้ำตาลให้เหมาะสมในแต่ละวันด้วย

แม้การเลี่ยงที่จะรับประทานอาหารรสหวานในช่วงนี้จะเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก และจริงๆ ก็ไม่แนะนำให้เลี่ยง เพราะร่างกายจะเกิดความเครียดสะสม ซึ่งจะเป็นปัญหาระดับสภาพจิตใจซึ่งส่งผลกระทบต่อร่างกายได้มากกว่า ฉะนั้นนอกจากการคลายเครียดด้วยของหวานแล้ว อยากให้ทำกิจกรรมอย่างอื่นควบคู่ไปด้วย เช่น การออกกำลังกาย การพักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารหลากหลาก หรือเลือกทานอาหารเสริมที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายอย่าง “เบต้ากลูแคน” เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายอ่อนแอ แข็งแรง ทั้งสุขภาวะทางร่างกายและสุขภาวะทางใจนะครับ

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

TOP