PM2.5 มะเร็งปอดแบบผ่อนส่งของคนยุคนี้ ลดความเสี่ยงก่อนสาย

มะเร็งปอด

สถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลกสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในเวลาไม่นานนัก โดยเฉพาะความแปรปรวนด้านสภาพอากาศ ซึ่งเกิดจากกิจกรรมบนโลกที่มนุษย์สร้างขึ้น ซึ่งหนึ่งที่กระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนเป็นอย่างมากคือมลภาวะทางอากาศ หรือฝุ่นควัน PM2.5 แม้ต้นตอจะไม่เกี่ยวกับภาวะโลกร้อนนัก แต่ก็นับว่าเป็นวิกฤติทางสิ่งแวดล้อมที่ต้องอาศัยการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างที่จริงจัง แน่นอนว่าหลายปีที่ผ่านมาประเทศไทยเผชิญกับปัญหานี้จนกลายเป็นฤดูกาลไปเสียแล้ว ซึ่งแน่นอนผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้โดยเฉพาะ “โรคมะเร็งปอด”

ชีวิตที่หลีกเลี่ยง PM2.5 ไม่ได้

ต้องยอมรับว่าไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของประเทศไทยก็หลีกเลี่ยงที่จะไม่สัมผัส PM2.5 ได้ยาก เพราะทุกวันนี้ค่าฝุ่นเข้มข้นจนทำได้แค่หลีกเลี่ยงและอยู่ในอาคารเป็นส่วนใหญ่ แต่หลายคนที่ต้องทำงานกลางแจ้ง หรือต้องทำงานในพื้นที่โล่ง หรืออยู่ในโรงงานอุตสาหกรรม ไซต์ก่อสร้างต่าง ๆ ก็หลีกเลี่ยงได้ยาก ซึ่ง PM2.5 เป็นสารก่อมะเร็งที่มีขนาดโมเลกุลเล็กเพียงมากจนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เมื่อเข้าไปโดยไม่รู้ตัวในหลอดลมจนถึงปอด จะทำให้เกิดการอักเสบ มีการกลายพันธุ์ของ DNA และ RNA หากได้รับในปริมาณที่มากและยาวนาน อาจจะทำให้กลายเป็นมะเร็งปอดในสักวันหนึ่ง แน่นอนว่าคนที่สูบบุหรี่ร่วมด้วยก็จะยิ่งทวีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปอดถึง 2 เท่า

วิกฤติฝุ่น PM2.5 และสถานการณ์ผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดในไทย

มะเร็งปอดเป็นมะเร็งที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตเป็นอันดับที่ 2 ในผู้ป่วยชาย และอันดับที่ 1 ในผู้หญิง ซึ่งเป็นโรคที่ตรวจคัดกรองได้ค่อนข้างยาก มีอัตราการลุกลามที่รวดเร็ว และมีโอกาสเสียชีวิตสูง มีงานวิจัยบอกว่าคนไทยเสียชีวิตกว่า 70,000 คน / ปี ในขณะที่ WHO พบว่าประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจาก PM2.5 สูงเป็นอันดับที่ 4 รองจากเสียชีวิตบนท้องถนนจากอุบัติเหตุ ที่สำคัญ PM2.5 ในไทยส่วนใหญ่เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล หรือการเผาไม้ของโรงงานอุตสาหกรรมและรถยนต์นั่นเอง

ผู้คนป่วยเป็นมะเร็งปอดมากขึ้นจาก PM2.5

จากการศึกษา คนทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะเสียชีวิตในช่วงที่ค่าฝุ่นหรือมลภาวะสูงในช่วง 2559 – 2562 ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นกว่า 200% แม้ว่าจะไม่ได้สูบบุหรี่หรือไม่รับควันบุหรี่มือสอง เช่นเดียวกับสถานการณ์ในประเทศไทยที่มีแนวโน้มว่า คนไทยจะมีโอกาสเป็นโรคมะเร็งปอดและเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากมะเร็งปอดเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะประชากรที่อาศัยอยู่ทางภาคเหนือ ในเมืองใหญ่ หรือเมืองหลวง ยิ่งต้องระมัดระวังในการดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้น

ปกป้องตัวเองก่อนสาย ลดความเสี่ยงมะเร็งปอดด้วยตัวเอง

นอกจากการป้องกันตัวเองขั้นพื้นฐาน เช่น การสวมใส่หน้ากาก N95 เมื่อค่าฝุ่นสูง การรับประทานอาหารที่ดีและมีประโยชน์ การพักผ่อนอย่างเพียงพอแล้ว การรับประทานสารสกัดอย่าง “เบต้ากลูแคน” ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการลดความเสี่ยงจากมะเร็งปอดได้อีกหนึ่งช่องทาง เนื่องจากเบต้ากลูแคนทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายแข็งแรงขึ้น สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเข้าไปทำงานกับเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันโดยตรง

– กระตุ้นเซลล์ภูมิคุ้มกันเม็ดเลือดขาวขนาดใหญ่ แมคโครฟาจ (Macrophage)

– กระตุ้นเซลล์ภูมิคุ้มกันเม็ดเลือดขาว นิวโตรฟิล (Neutrophil)

– กระตุ้นเซลล์ภูมิคุ้มกัน เอ็น เค เซลล์ (Natural Killer Cell)

โดยเซลล์ทั้ง 3 มีส่วนสำคัญมาก ๆ ต่อกลไกการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน โดยจะทำการค้นหา ตรวจจับ และทำลายเมื่อเจอสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในร่างกาย ซึ่งจะสามารถตรวจจับหากเมื่อมีเซลล์เกิดการกลายพันธุ์ก่อนจะลุกลามไปสู่เซลล์อื่น ๆ จนทำให้เป็นมะเร็ง ซึ่งนี่จึงเป็นอีกวิธีที่เราจะลดความเสี่ยงในสภาวะที่เราหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เราเป็นมะเร็งได้ยากครับ

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

TOP