รู้จัก 4 ระยะของมะเร็งลำไส้ใหญ่
มะเร็งที่ลำไส้ใหญ่ ถือว่าเป็นมะเร็งที่พบได้มากทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งความน่ากลัวนั้น คือ ในระยะแรกนั้นจะไม่แสดงอาการ ดังนั้น ในกลุ่มเสี่ยงจึงจำเป็นต้องเข้ารับการตรวจส่องกล้องลำไส้ใหญ่และทวารหนัก เพราะยิ่งพบมะเร็งในระยะแรก ก็ยิ่งมีทางเลือกในการรักษาและทำให้ฟื้นตัวได้ไวหลังการรักษา
โรคมะเร็งที่ลำไส้ใหญ่ เกิดจากความผิดปกติของเซลล์เนื้อเยื่อบริเวณลำไส้ และมากกว่า 90% ของมะเร็งที่ลำไส้ใหญ่ มักพบในคนที่อายุมากกว่า 50 ปี โดยมักไม่แสดงอาการในช่วงแรก โดยทั่วไปก่อนที่เซลล์ที่ผิดปกติจะกลายเป็นมะเร็งอาจพบลักษณะคล้ายติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ และค่อยๆ ใหญ่ขึ้นจนพัฒนากลายเป็นมะเร็ง โดยแต่ละระยะมีอัตราการหายขาดจากโรคที่แตกต่างกันไปครับ
มะเร็งระยะที่ 1 – เป็นระยะที่ยังไม่มีการลุกลาม อัตราการหายขาดสามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัด
มะเร็งระยะที่ 2 – เป็นระยะที่เริ่มลุกลาม เซลล์มะเร็งจะเข้ามาในชั้นกล้ามเนื้อของลำไส้ และอาจลามไปถึงเยื่อหุ้มลำไส้ เนื้อเยื่อส่วนอื่น ๆ หรือ อวัยวะข้างเคียง
มะเร็งระยะที่ 3 – เป็นระยะที่เริ่มลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลือง ต้องผ่าตัดต่อมน้ำเหลืองออกให้มากที่สุด และทำเคมีบำบัดเพื่อไม่ให้มะเร็งฟื้นตัวและกลับมาลุกลาม
มะเร็งระยะที่ 4 – เป็นระยะที่ค่อนข้างรุนแรง มะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะต่าง ๆ การรักษาต้องทำการผ่าตัดเพื่อตัดอวัยวะบางส่วนที่เป็นมะเร็งออก และทำเคมีบำบัดร่วมด้วย
การรักษามะเร็งที่ลำไส้ใหญ่ จะใช้การรักษาหลายวิธีร่วมกัน ได้แก่ การผ่าตัด การฉายแสง และการทำเคมีบำบัด ขึ้นอยู่กับการพิจารณาโดยทีมแพทย์ในการวางแผนการรักษา ที่จะทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
เพื่อให้การรักษาเป็นไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แนะนำให้ทานอาหารเสริมประเภทเบต้ากลูแคน ที่มีสรรพคุณเข้าไปช่วยให้เม็ดเลือดขาวในระบบภูมิคุ้มกันด่านแรกที่ทำลายเชื้อโรคและเซลล์แปลกปลอมโดยเฉพาะเซลล์มะเร็ง นอกจากนี้สรรพคุณเบต้ากลูแคนยังไปเพิ่มจำนวน และกระตุ้นการทำงานของ Monocyte ในเลือดเพื่อให้กำจัดเซลล์มะเร็งได้ดีขึ้น
โดยผู้ป่วยสามารถทานเบต้ากลูแคนร่วมกับยารักษามะเร็งตามแบบแผน (ฉีดคีโมและฉายรังสี) ได้อย่างปลอดภัย และที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือ ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับประทานเบต้ากลูแคนทั้งก่อนและหลังรับคีโมบำบัด ร่างกายฟื้นฟูได้เร็วและไม่เกิดอาการข้างเคียงหรือโรคแทรกซ้อนใดๆ หลังการได้รับการบำบัดอีกด้วย เนื่องจากเบต้ากลูแคนสามารถกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดในผู้ที่ได้รับการฉายรังสี ให้สามารถฟื้นตัวจากการกดไขกระดูกของยาเคมีบำบัดได้นั่นเอง