ทุกวันนี้คุณดูแลและบำรุงหัวใจของตัวเองด้วยวิธีไหน? หรือกำลังหลงลืมอวัยวะสำคัญที่สุดของร่างกายไปแล้ว ชวนทุกคนหันมาดูแลสุขภาพหัวใจโดยไม่ต้องรอให้อายุมากก่อน ถึงจะให้ความสำคัญ ยิ่งเริ่มต้นดูแลตอนอายุยังน้อย หัวใจก็จะยิ่งสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และอยู่กับเราไปได้ยาวนาน สารสำคัญที่ควรเติมให้หัวใจ ได้แก่ ฮอร์ธอร์นและโคคิวเท็น ทั้ง 2 สารสำคัญนี้ดีต่อใจอย่างไร และควรรับประทานเท่าไหร่ มาดูกันครับ
ปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้หัวใจทำงานได้ไม่เต็มที่เหมือนเดิม?
– อายุที่เพิ่มขึ้น ไม่ใช่แค่หัวใจ แต่รวมไปถึงอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกายก็จะเริ่มเสื่อมสมรรถภาพลง แต่หัวใจที่ทำงานหนักมาตลอดชีวิตเรา ยิ่งถดถอยได้มากกว่าอวัยวะอื่น
– อาหารที่รับประทานไม่ส่งเสริมให้หัวใจทำงานได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากไม่ได้รับสารอาหารที่เหมาะสมเพื่อไปหล่อเลี้ยงหัวใจ
– พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ใช้บุหรี่ไฟฟ้า สูดดมมลพิษจากอากาศ
– ไม่ออกกำลังกาย ก็เท่ากับหัวใจไม่ได้ออกกำลังกายเหมือนกัน
ฮอร์ธอร์นและโคคิวเท็นเติมพลังให้หัวใจได้
ฮอร์ธอร์น – เป็นพืชตระกูลเบอร์รีที่ใช้ในการบำรุงและรักษาโรคที่เกี่ยวกับหัวใจมากยาวนาน เมื่อก่อนเคยถูกใช้เป็นสนุนไพรให้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคอ้วน เพื่อช่วยควบคุมน้ำตาลและไขมันคอเลสเตอรอลในร่างกาย ต่อมาสามารถสกัดออกมาในรูปแบบวิตามินหรืออาหารเสริมที่ช่วยเสริมสร้างการทำงานของหัวใจให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ช่วยขยายหลอดเลือดหัวใจ ให้เลือดสามารถไหลเวียนได้ดี ลดความดันโลหิต ป้องกันคอเลสเตอรอลไปเกาะตามผนังหลอดเลือด ลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดและหัวใจได้ดี
โคคิวเท็น – เป็นสารสกัดที่มีชื่อเสียงมาจากแดนอาทิตย์อุทัยหรือประเทศญี่ปุ่น เมื่อก่อนคนญี่ปุ่นนิยมใช้เป็นวิตามินที่ช่วยบำรุงหัวใจ เพราะโคคิวเท็นเป็นโปรตีนที่เป็นแหล่งพลังงานของอวัยวะสำคัญในร่างกาย แต่เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายของเราจะผลิตโคคิวเท็นได้น้อยลงจึงทำให้อวัยวะที่ต้องทำงานหนักอย่าง หัวใจ สมอง ตับ ไต มีสมรรถภาพลดลง และมีรายงานว่าผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจส่วนมากมักจะมีภาวะขาดโคคิวเท็น ดังนั้นการที่เราทานวิตามินที่มีสารสกัดจากโคคิวเท็นจะเข้าไปช่วยบำรุงหัวใจได้มาก นอกจากนี้โคคิวเท็นยังมีส่วนช่วยเพิ่มการเผาผลาญ ให้การทำงานของเมแทบอลิซึมในร่างกายเป็นไปได้ดียิ่งขึ้นนั่นเองครับ
ต้องเสริมเสริมฮอร์ธอร์นและโคคิวเท็นในปริมาณเท่าไหร่?
ปริมาณที่แนะนำในแต่ละวัน ให้ทานหลังมื้ออาหารจะดีที่สุดครับ
– 1,000 มิลลิกรัม สำหรับการบำรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด
– 2,000 มิลลิกรัม สำหรับผู้ที่เริ่มมีปัญหาด้านหัวใจและหลอดเลือด
– 3,000 มิลลิกรัม สำหรับผู้ที่มีปัญหาหัวใจและหลอดเลือด