หากลูกมีอาการสมาธิสั้น ควรรับมืออย่างไรให้เหมาะสม

สมาธิสั้น

การที่ลูกมีสมาธิที่สั้นไม่ใช่เรื่องผิดปกติที่น่าเป็นกังวลนะครับ เพราะเด็ก ๆ ทุกคนสามารถมีอาการนี้ได้โดยเฉพาะเด็กในช่วงวัยอนุบาลหรือประถมศึกษา เพราะธรรมชาติของเด็กคือความซุกซน มีพลังงานล้นเหลือ การวิ่งเล่นไปมา หรือการไม่สามารถจดจ่อกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้และพ่อแม่สามารถช่วยลูกแก้ไขเรื่องนี้ มาลองดูวิธีเหล่านี้กันครับ

1. กำหนดกิจกรรมประจำวันอย่างแน่นอน

ตั้งเวลาในการทำกิจกรรมให้ลูกอย่างแน่นอน เพื่อให้พวกเขาเรียนรู้และจดจำเวลาในชีวิตของพวกเขาได้ดีขึ้น ช่วงแรกพ่อแม่อาจจะเหนื่อยหน่อยเพราะต้องจดจำตารางด้วยเช่นกัน ควรทำตารางอย่างละเอียดตั้งแต่ตื่นนอนไปจนถึงเข้านอนในทุกวัน

2. จดจ่อกับสิ่งที่เด็กต้องทำลดสมาธิสั้น

การทำกิจกรรมแต่ละอย่างควรทำอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น เวลารับประทานอาหารก็ไม่ควรดูทีวีหรือเล่นไอแพดไปด้วย อ่านหนังสือก็ไม่ควรมีเสียงดังรบกวนหรืออนุญาตให้ใช้โทรศัพท์มือถือหรือไอแพดไปด้วย การให้ลูกทำอย่างเดียวอย่างหนึ่งจะช่วยให้เขาโฟกัสสิ่งที่ทำอยู่ได้ดีขึ้น

3. ชื่นชมและให้รางวัล

คำชื่นชมสำหรับเด็กมีคุณค่าทางใจกับพวกเขาอย่างมาก ยิ่งมีรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ เขาจะรู้สึกประสบความสำเร็จกับสิ่งที่เขาทำ ครั้งหน้าเขาจะตั้งใจทำให้ดียิ่งขึ้น พ่อแม่ควรใส่ใจกับของรางวัลแม้เพียงเล็กน้อยแต่ต้องเป็นสิ่งที่เขารู้สึกว่าคู่ควรและมีค่าที่เขาได้รับมัน

4. หากลูกว่อกแว่กควรบอกให้เขารู้ตัวแทนที่จะตำหนิ

หากมีช่วงที่เขาว่อกแว่กกับสิ่งที่ต้องทำ บอกให้เขารู้ตัว เช่น สะกิด ตบไหล่เบา ๆ หรือกระซิบ เพื่อให้เขารู้สึกว่าเรื่องที่ทำอยู่ไม่ใช่เรื่องผิดใหญ่โต สามารถแก้ไขและตั้งใจกับสิ่งที่ควรทำ หากพ่อแม่ตำหนิเขาจะรู้สึกเสียความมั่นใจ ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ทำอยู่ดีหรือไม่ และกลัวที่จะต้องทำต่อ

5. เปิดโอกาสให้เด็กได้ทำในสิ่งที่ชอบ

ในตารางแต่ละวันพ่อแม่ควรเปิดโอกาสให้เขาได้ทำในสิ่งที่ชอบ เช่น ดูการ์ตูน เล่นเกม เล่นโทรศัพท์มือถือ เล่นกีฬา เล่นกับเพื่อนข้างบ้าน ฯลฯ เพื่อให้เขารู้สึกผ่อนคลาย ไม่ตึงเครียด เกร็ง จนทำให้นอนไม่หลับ หรือกลัวที่จะต้องตื่นมาทำกิจกรรมในแต่ละวัน พ่อแม่ควรยืดหยุ่นโดยเฉพาะช่วงแรก ๆ ให้ลูกได้มีเวลาปรับตัวด้วย

นอกจากนี้พ่อแม่ยังสามารถช่วยส่งเสริมการในด้านอาหารเสริมได้ด้วยการให้รับประทานสารสกัดที่ช่วยให้เด็กมีสมาธิมากขึ้น เช่น GABA หรือ สารสกัดจากข้าวบาร์เลย์ ช่วยให้สารสื่อประสาท และคลื่นอัลฟ่าในสมองเพิ่มสูงขึ้น ช่วยลดความเครียด ความวิตกกังวล ช่วยให้เด็ก ๆ ผ่อนคลายจากการเรียน ช่วยให้สามารถนอนหลับได้ดียิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยเพิ่มโกรธฮอร์โมนส์ ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญในการเติบโต และช่วยเรื่องสมาธิอีกด้วย

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

TOP