หลายคนอาจจะคิดว่าโรคเบาหวานเกิดขึ้นกับคนที่อายุมาก และมีน้ำหนักตัวเยอะเท่านั้น แต่ปัจจุบัน “โรคเบาหวาน” สามารถเกิดขึ้นกับคนที่อายุน้อย ๆ ได้มากขึ้น จากสถิติที่ผู้ป่วยเบาหวานทั่วโลกอายุน้อยลงเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นเรื่องน่ากังวลทางด้านสาธารณสุขหลายประเทศเลยครับ และสาเหตุหลักมาจากการใช้ชีวิตของผู้คนในยุคปัจจุบันด้วย มาดูกันครับว่าพฤติกรรมอะไรที่เราทำแล้วเสี่ยงเบาหวานบ้าง?
1. ทำงานหนัก
ในยุคที่เศรษฐกิจถดถอยทำให้หลาย ๆ ต้องทำงานหนักมากขึ้น บางคนทำงานหลาย ๆ อย่าง เพราะจากภาระค่าใช้จ่ายหรืออื่นๆ ทำให้ร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ นอกจากจะทำให้ฮอร์โมนทำงานได้ไม่เต็มที่และผิดปกติแล้ว ยังส่งผลให้ร่างกายเครียดไม่รู้ตัว ซึ่งปัจจัยนี้อาจจะทำให้ร่างกายของหลาย ๆ คนต้องการอาหารที่มีพลังงานสูง เพื่อชดเชยความเครียดและเหนื่อยล้าจากการทำงาน และอาจจะทำให้ต้องทานเยอะกว่าปกติเพราะร่างกายทำงานหนัก ซึ่งอาหารที่ชดเชยได้อย่างรวดเร็วจะเป็นอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง น้ำตาลสูง เพราะช่วยให้คลายเครียดได้ เป็นปัจจัยที่เสี่ยงให้เป็นโรคเบาหวานได้ไม่ยากเลย
2. ติดการอยู่บ้าน ไม่เคลื่อนไหว
การที่โลกของเราเผชิญกับโควิด-19 หลายปี หลายคนคุ้นชินกับการอยู่บ้าน เลี่ยงการเข้าสังคม เปลี่ยนบ้านเป็นทั้งสถานที่ทำงาน พักผ่อน และทำกิจกรรมหลายอย่าง ซึ่งการที่หลายคนอยู่บ้านนาน ๆ อาจจะส่งผลต่อสภาวะจิตใจ รวมทั้งการไม่ได้ใช้พลังงานอย่างที่เคยได้ใช้ เช่น การต้องเดินทางไปทำงาน การออกไปทานข้าวเที่ยง การพบปะพูดคุยกับผู้คน ซึ่งพลังงานเหล่านี้ก็จะถูกสะสมและเปลี่ยนไปเป็นไขมันสะสมตามร่างกายได้เช่นกัน เพราะเรายังคงต้องทานอาหารเท่าเดิม แต่พลังงานที่เราเคยได้เอาไปใช้ชีวิตกลับไม่ได้ถูกใช้ ที่สำคัญหลายคนไม่ออกกำลังกายด้วย เหตุผลนี้ก็อาจจะทำให้อนาคตหลายคนเสี่ยงโรคเบาหวานได้เช่นกัน
3. ทานอาหารประเภทเดิมซ้ำ ๆ
การทานอาหารเมนูเดิม ๆ ซ้ำ ๆ อาจจะส่งผลให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ยิ่งในยุคนี้หลายคนชอบทานอาหารรสจัดกับเมนูยอดฮิตเต็มไปด้วยโซเดียมและน้ำตาล เสี่ยงที่จะทำให้ขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เพราะเซลล์ของเราต้องการสารอาหารที่แตกต่างกันนะครับ ฉะนั้นควรทานอาหารที่หลากหลาย ลดและเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง ไขมันสูง และโซเดียมสูง เพราะอาหารเหล่านี้จะเปลี่ยนไปเป็นไขมันที่สะสมตามกล้ามเนื้อและหลอดเลือดของเรา เบาหวานก็อยู่ไม่ไกลเลย
4. สภาวะจิตใจ
ต้องยอมรับเลยครับว่ายุคนี้มีสิ่งเร้าที่ทำให้หลาย ๆ คนมีสภาวะจิตใจที่อ่อนแอได้ง่าย การแข่งขันทางสังคมสูงขึ้น แต่สภาวะเศรษฐกิจกลับสวนทาง ไหนจะต้องรับมือกับโรคระบาดอีก การพึ่งผู้เชี่ยวชาญทานด้านจิตใจจึงไม่ใช่เรื่องแปลกของคนในยุคนี้อีกต่อไปแล้ว แต่สิ่งสำคัญที่หลายคนต้องเจอเมื่อต้องรักษาสภาวะจิตใจนั่นคือการกิน สำหรับบางคนการกินหรือทานอาหารที่ชอบอาจจะเป็นปัจจัยเดียวที่สามารถเยียวยาจิตใจและสร้างความสุขในชีวิตได้ โดยเฉพาะการทานอาหารที่ให้พลังงานสูงหรืออาหารที่มีรสหวาน เพราะน้ำตาลช่วยลดความเครียด และทำให้อารมณ์ดีขึ้นนั่นเอง
5. โซเชียลทำให้รับประทานมากขึ้น
ในยุคที่โซเชียลมีอิทธิผลอย่างมากในการใช้ชีวิต โดยเฉพาะการสร้างไลฟ์สไตล์กลายเป็นความนิยมที่ทุกคนต้องอยากบอกต่อเพื่อน ๆ ในโลกออนไลน์ หนึ่งในไลฟ์สไตล์ที่นิยมมาก นั่นคือการเฟ้นหาร้านอร่อย เกิดเมนูใหม่ ร้านใหม่ ให้เราต้องพยายามไปตามหา ที่สำคัญส่วนใหญ่อาหารยอดฮิตดันเป็นอาหารที่ปรุงรสจัด หวาน เค็ม และเผ็ด และปัจจัยนี้นี่เองที่ทำให้เรามักจะทานอาหารมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว และเป็นหนึ่งในสาเหตุที่อาจจะทำให้เป็นเบาหวานได้ครับ