ในยุคที่การแข่งขันสูงอย่างมากทำให้ผู้คนใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบและมีความเครียดเพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งการมีภาวะความเครียดอย่างต่อเนื่องทำให้การทำงานของร่างกายผิดปกติได้รวดเร็วก่อนวัยอันควร ตัวอย่างเช่น ภาวะสมองเสื่อมที่เมื่อก่อนมักพบในคนอายุมาก แต่ปัจจุบันภาวะสมองเสื่อมก่อนวัยพบได้มากขึ้นในคนอายุน้อยลงเรื่อย ๆ สาเหตุหนึ่งมาจากภาวะความเครียดนั่นเอง มารู้จักโรคสมองเสื่อมก่อนวัยให้มากขึ้นกันครับ
ภาวะสมองเสื่อมก่อนวัยเกิดจากอะไร?
ภาวะสมองเสื่อม (Dementia) เกิดจากความเสื่อมประสิทธิภาพของสมองที่ลดลงเรื่อย ๆ โดยส่วนมากเกิดจากอายุขัยที่เพิ่มขึ้น โดยเกิดความผิดปกติทางความคิด ความจำ การใช้เหตุผล รวมไปถึงส่งผลต่อบุคลิกภาพที่เปลี่ยนไปด้วย บางคนอาจจะมีอารมณ์แปรปรวน ซึมเศร้า รู้สึกแปลกแยก ซึ่งส่วนมากจะเกิดกับคนอายุ 65 ปีขึ้นไป แต่ปัจจุบันภาวะสมองเสื่อมในคนอายุน้อย (Dementia in younger) เริ่มพบสูงขึ้น โดยเฉพาะผู้ป่วยในวัยทำงาน ซึ่งเกิดจากภาวะการทำงานและความเครียด ที่ส่งผลให้เกิดโรคซึมเศร้าหรือโรคทางจิตเวชมากยิ่งขึ้น ซึ่งการรับประทานยารักษาเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดภาวะสมองเสื่อมก่อนวัย ซึ่งหากตัวเองและคนรอบข้างไม่ได้สังเกต อาจจะเสี่ยงต่อโรคนี้เพิ่มมากขึ้น กลายเป็นภัยเงียบใกล้ตัวหากไม่รีบตรวจและทำการรักษา
สาเหตุของภาวะสมองเสื่อมในคนอายุน้อย
– เคยมีภาวะสมองเสื่อมตอนอายุน้อย ซึ่งอาจจะเกิดจากอุบัติเหตุหรือได้รับการกระทบกระเทือนทางสมอง เพราะช่วงวัยเด็กสมองยังพัฒนาไม่เต็มที่และอ่อนแอกว่าวัยผู้ใหญ่มาก
– ภาวะเส้นเลือดฝอยในสมองตีบหรือตัน จนทำให้เลือดไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงสมองได้
– ภาวะที่ร่างกายขาดวิตามินบี 12 เป็นเวลานานอาจจะส่งผลให้เซลล์สมองเสื่อมหรือทำงานได้ไม่เต็มที่
– การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ อาจจะนำไปสู่ภาวะหลอดเลือดสมองตีบหรือตันได้ ทั้งแอลกอฮอล์ยังดูดซึมวิตามินบี 12 ไปจนไม่สามารถนำไปหล่อเลี้ยงสมองได้อีกด้วย
– การติดเชื้อในสมองหรือมีเนื้องอกในสมอง
– การติดเชื้อ เช่น เอชไอวี ซิฟิลิส และไวรัสอื่นๆ ซึ่งส่งผลให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายเสื่อมถอย และเสี่ยงที่เข้าสู่ภาวะสมองเสื่อมได้เช่นเดียวกัน
ภาวะสมองเสื่อมก่อนวัยเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันอย่างไร?
ภาวะสมองเสื่อมก่อนวัยนั้น ปัจจัยเรื่องความเครียดมีผลอย่างมาก อาจจะไม่ใช่สาเหตุหลักแต่เป็นเหตุผลที่ทำให้คนรุ่นใหม่เป็นโรคที่ก่อให้เกิดสมองเสื่อมก่อนวัยได้ เช่น โรคซึมเศร้า โรคไบโพลาร์ หรืออาการทางจิตเวช ซึ่งการรักษาโรคเหล่านี้จำเป็นต้องใช้ยาควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเองและคนรอบข้าง ฉะนั้นการรักษาสมดุลของร่างกายไม่ให้เครียดเกินไปสำคัญอย่างมาก ควรบาลานซ์การทำงานและการพักผ่อนอย่างพอดี รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และเหมาะสมกับร่างกาย ที่สำคัญควรออกกำลังกายเพื่อช่วยระบายความเครียด และให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ที่สำคัญการรับประทานสารสกัดที่ช่วยปกป้องร่างกายจากสิ่งแปลกปลอม เช่น เบต้ากลูแคน เป็นหนึ่งในวิธีที่จะทำให้ร่างกายแข็งแรงอย่างสม่ำเสมอ ลดความเสี่ยงที่จะป่วยง่าย กระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพเสมอ ก็จะสามารถช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคต่าง ๆ ได้มากยิ่งขึ้นด้วย