รอยช้ำตามร่างกายอาจไม่ใช่แค่อาการช้ำอย่างที่คิด
รอยช้ำตามร่างกาย ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเราเองหรือกับคนอื่น เคยสังเกตไหมครับว่า บางคนหายไว บางคนหายช้า บางคนช้ำง่าย บางคนแทบจะไม่เป็นรอยเลย ซึ่งอาการช้ำดังกล่าวนี้แหละครับ ที่เป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่า ความจริงแล้วเรามีโรคอะไรแฝงอยู่รึเปล่า เพราะอาจเป็นสัญญาณบอกโรคร้ายแรงได้ เช่น โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ เสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้นะครับ
หากอยู่ดีๆ ร่างกายก็มีรอยช้ำ โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารอยช้ำเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่หรือไปโดนอะไรมากรู้ตัวอีกทีคือเจ็บหรือรอยช้ำมีสีเข้มมากแล้ว แพทย์ระบุว่า รอยช้ำเกิดขึ้นได้ทั้งจากอุบัติเหตุและโรคที่เราเป็นอยู่ สามารถแบ่งได้ดังนี้ครับ
1. อุบัติเหตุหรือกระแทกสิ่งของ
หากรอยช้ำเป็นรอยเขียวและเป็นรอยช้ำเพียง 1-2 จุด เฉพาะที่บนร่างกาย กดลงไปแล้วมักจะเจ็บเบาๆ อาจเป็นรอยฟกช้ำธรรมดาที่เราเดินไปชนสิ่งของหรือเดินไปกระแทกกับของแข็งโดยไม่รู้ตัว
2. อายุที่มากขึ้น
ผิวหนังจะบางลง ไขมันและคอลลาเจนที่ช่วยปกป้องเส้นเลือดก็ลดลงตามไปด้วย ทำให้เส้นเลือดเปราะบางและแตกง่าย จึงเกิดเป็นรอยคล้ำเมื่อเลือดออกที่ผิวหนัง
3. ขาดวิตามิน
โดยเฉพาะวิตามินซีและเค วิตามินซีอาจจะขาดจากทานผลไม้ไม่พอ และวิตามินเคอาจเกิดจากได้รับยาฆ่าเชื้อติดต่อกันนาน ๆ จะทำให้เลือดออกได้ง่าย จุดเลือดออกหรือจ้ำเลือดเกิดได้ทั่วร่างกาย หากปล่อยไว้นานอาจรุนแรงขึ้นจนมีเลือดออกในอวัยวะสำคัญได้
4. ใช้ยาสเตียรอยด์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน
ผลข้างเคียงจากยาอาจทำให้เส้นเลือดฝอยเปราะบางและแตกง่าย จนเกิดรอยช้ำตามร่างกายได้บ่อยครั้ง
5. เกล็ดเลือดต่ำหรือเกล็ดเลือดทำงานผิดปกติ
รอยช้ำมักจะเห็นได้ตามผิวหนังตื้น ๆ อาจเจอได้ชัดตามข้อพับ เกล็ดเลือดต่ำเกิดได้หลายสาเหตุ ตั้งแต่ยาที่รับประทานไปจนถึงมะเร็ง หรือไขกระดูกฝ่อ ซึ่งต้องตรวจเพิ่มเติมเพื่อให้การรักษาที่เหมาะสม
6. ขาดโปรตีนแฟคเตอร์ 8
หากเป็นตั้งแต่กำเนิดถ่ายทอดทางพันธุกรรมเรียกว่าโรคฮีโมฟิเลีย แต่อาจถูกกระตุ้นจากโรคอื่นๆ ได้ด้วย ทำให้การแข็งตัวของเลือดลดลงจนเกิดภาวะเลือดออกง่ายแต่หยุดยาก และเกิดรอยฟกช้ำจ้ำใหญ่ทั่วร่างกาย ส่วนใหญ่มักจะมีเลือดออกค่อนข้างรุนแรง ตามการขาดโปรตีนแฟคเตอร์
7. โรคไขกระดูกบกพร่อง
เกิดจากเกล็ดเลือดต่ำเพราะร่างกายสร้างได้ไม่ปกติ ทำให้มีรอยจ้ำหรือรอยช้ำเลือดตามร่างกาย เลือดออกง่าย เช่น เลือดกำเดา เลือดออกในช่องปาก หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธีอาจกลายเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้
8. ลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ
ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก มักเป็นบริเวณขาและเกิดรอยจ้ำเขียว รู้สึกปวดร่วมกับมีอาการบวม แต่ถ้าลิ่มเลือดหลุดไปอุดตันที่ปอดอาจทำให้รู้สึกเจ็บหน้าอก ไอ ไอปนเลือด เวียนศีรษะ หายใจถี่และหมดสติ ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตรอยช้ำที่ไม่เป็นอันตรายส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นและค่อยๆ จางหายไปเองใน 3–7 วัน และมักจะเป็นเฉพาะที่ แต่หากเป็นนานกว่า 1 สัปดาห์ หรือรอยช้ำมีสีเข้มขึ้น หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกโรคร้ายแรงได้ ดังนั้น ควรสังเกตร่างกายตัวเองอยู่เสมอ หากพบความผิดปกติไม่ว่าจะเป็นรอยช้ำหรืออาการอื่นๆ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างทันท่วงทีครับ
9. มะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือลูคีเมีย
เป็น 1 ใน 10 โรคมะเร็งที่พบบ่อยในประเทศไทย จะเกิดขึ้นในไขกระดูกซึ่งเป็นแหล่งผลิตเม็ดเลือด โดยเกิดจากเซลล์เม็ดเลือดขาวตัวอ่อนเติบโตมากผิดปกติและไม่สามารถกลายเป็นเม็ดเลือดที่สมบูรณ์ได้ จนไปรบกวนการสร้างเม็ดเลือดปกติชนิดอื่น ส่งผลให้ผู้ป่วยติดเชื้อง่าย อ่อนเพลีย เลือดออกง่ายผิดปกติ และเกิดจ้ำเลือดตามร่างกาย หากไม่ได้รับการรักษาโดยเร็วและถูกวิธีอาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ง่าย วิธีที่ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวจากการรักษาได้เร็ว แนะนำให้ทานอาหารเสริมประเภทเบต้ากลูแคนบริสุทธิ์ เพราะการทำงานของเบต้ากลูแคนจะมีความพิเศษกว่าการบำรุงร่างกาย แต่จะเป็นการบำรุงความแข็งแรงให้เม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้เม็ดเลือดขาวทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อระบบภูมิคุ้มกันของเราแข็งแรง ก็จะจัดการเชื้อโรคต่าง ๆ อย่างเช่น ไวรัส แบคทีเรีย ปรสิต เชื้อรา หรือเซลล์ร่างกายที่ผิดปกติได้นั่นเองครับ