ภาวะคัดจมูก อาจเป็นมากกว่าแค่คัดจมูก
คัดจมูก น้ำมูกไหล อาจไม่ใช่แค่หวัด
ภาวะคัดจมูกเรื้อรังเกิดจากการอักเสบของ เยื่อบุโพรงจมูกด้านใน หรือผนังกั้นจมูก ทำให้ผู้ป่วย น้ำมูกไหล จาม ปวดศีรษะ และหายใจไม่สะดวก หากไม่รักษาให้หายขาดหรือปล่อยทิ้งไว้นานอาจทำให้เกิดภาวะคัดจมูก ซึ่งจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบอื่นๆ ของร่างกายได้เช่นกัน
ภาวะคัดจมูกบอกโรคที่แอบแฝงในร่างกายอย่างไรบ้าง
• ระบบหายใจส่วนล่างทำงานหนักขึ้น เพราะเมื่อคัดจมูกแล้วผู้ป่วยมักจะหายใจทางปากแทน ทำให้อากาศเย็นและความชื้นผ่านลงไปในทางเดินหายใจส่วนล่าง ระบบหายใจส่วนล่างจึงต้องทำงานหนักขึ้น รวมทั้งเสี่ยงต่อการอักเสบและระคายเคืองด้วย
• หูอักเสบ เมื่อเป็นหวัดเยื่อบุในท่อ Eustachian tube ซึ่งเชื่อมระหว่างหูชั้นกลางและโพรงหลังจมูก จะบวมและตีบตันทำให้ไม่สามารถระบายความดันอากาศในช่องหูชั้นกลางได้ จึงก่อให้เกิดอาการปวดหู หูอื้อ และอาจติดเชื้อจนกลายเป็นหูอักเสบและหูน้ำหนวก
• ท่อน้ำตาอุดตัน เมื่อเป็นหวัดจะทำให้เยื่อบุโพรงจมูกบวม จนน้ำตาไม่สามารถไหลลงไปที่โพรงจมูกได้ ทำให้ท่อน้ำตาอุดตัน มีอาการตาแฉะหรือน้ำตาเอ่อในตา ถ้าอาการรุนแรงขึ้นอาจมีน้ำตาไหลตลอดเวลา
• โรคหยุดหายใจขณะหลับ อาการคัดจมูกจะทำให้ผู้ป่วยพยายามหายใจเข้าจนเกิดความดันในทางเดินหายใจส่วนบนจนทำให้ทางเดินหายใจตีบแคบ ทำให้กล้ามเนื้อลิ้นหย่อนตัวจนทำให้ทางเดินหายใจส่วนคอหอยตีบแคบได้ ซึ่งจะไปกระตุ้นให้เกิดความผิดปกติของการหายใจขณะนอนหลับแบบอุดกั้นตามมา ส่งผลให้เกิดการนอนกรน และมีอาการคล้ายหยุดหายใจขณะหลับ โดยโรคหยุดหายใจขณะหลับยังเพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดอุดตันในสมองและหลอดเลือดหัวใจเสื่อมเร็วอีกด้วย
ดังนั้น เมื่อเริ่มมีอาการคัดจมูก หรือมีน้ำมูก หายใจติดขัด ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้อง เพื่อลดความเสี่ยงของภาวะคัดจมูกและนำมาซึ่งโรคร้ายแรงอื่นๆ
เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ เราควรดูแลร่างกายและภูมิคุ้มกันของตัวเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ ด้วยการทานอาหารให้ครบโภชนาการ ออกกำลังกายเป็นประจำ ควบคู่ไปกับการทานอาหารเสริมที่ช่วยบำรุงภูมิคุ้มกันอย่างเบต้ากลูแคนนะครับ