นอกจากโรคระบาดที่เรายังต้องระมัดระวังในการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้นแล้ว มลพิษทางอากาศกำลังเข้ามาเป็นอีกปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบด้านสุขภาพ โดยเฉพาะปรากฏการณ์ฝุ่น PM2.5 ที่หลายประเทศกำลังเผชิญกับปัญหานี้ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องการความร่วมมือหลายฝ่าย โดยเฉพาะการแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ในระหว่างนี้เราจึงต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายให้เข้มแข็งอยู่เสมอ เพื่อรับมือกับฝุ่นจิ๋วนี้กันครับ

PM2.5 ทำภูมิคุ้มกันตกได้อย่างไร

ใครบอกว่าฝุ่น PM2.5 กว่าจะทำอันตรายเราก็คงใช้เวลาอีกนาน นี่คือสิ่งที่เข้าใจผิดมหันต์เลยนะครับ เพราะอนุภาคเล็ก ๆ นี้จะลอยไปรวมกับควัน ไอน้ำ ก๊าซ และอากาศโดยรอบที่เราอาศัยอยู่ โดยเฉพาะบริเวณกลางแจ้ง โดยความเล็กขนาด 2.5 ไมครอน เล็กกว่าเส้นผ่าศูนย์กลางของเส้นผมหลายเท่า ทั้งยังมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ไม่มีกลิ่นอีกต่างหาก ซึ่งหากเราสูดเขาปอดในช่วงเวลาสั้น ๆ อาจจะรู้สึกแสบคอ แสบหน้าอก หรือรู้สึกระคายเคืองที่จมูกได้ คนที่เป็นโรคภูมิแพ้เป็นทุนเดิมอาจจะรู้สึกจาม ไอ หรือน้ำตาไหลตลอดเวลาได้เลย แน่นอนว่าการสูดดม PM2.5 ในระยะยาวนั้นผลเสียต่อสุขภาพมากมาย โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ เช่น วัณโรค โรคถุงลมโป่งพอง และโรคมะเร็งปอด

นอกจากนี้ PM2.5 ยังถือเป็นสิ่งแปลกปลอมที่สามารถเข้าสู่ร่างกายของเราได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะทางตา ทางจมูก ทางปาก หรือทางผิวหนัง เมื่อสัมผัสมาก ๆ หรือเป็นเวลานาน อาจจะส่งผลให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายตกได้ นอกจากอาการข้างต้นที่กล่าวไป อาจจะทำให้บางคนรู้สึกเหนื่อยง่าย หายใจไม่สะดวก คันตามเนื้อตัว หรือแสบตาตลอดเวลา การเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงเพื่อลดเสี่ยงภูมิคุ้มกันตกจึงจำเป็นอย่างยิ่งในช่วงที่ PM2.5 หนักแบบนี้ครับ

เสริมภูมิคุ้มกันอย่างมีประสิทธิภาพป้องกันภูมิคุ้มกันตก

1. รับประทานสารสกัดจากเบต้ากลูแคน

สารสกัดจากเบต้ากลูแคนเป็นหนึ่งในสารสกัดที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเบต้ากลูแคนที่สกัดมาจากผนังเซลล์ของยีสต์ Saccharomyces Cerevisiae ซึ่งมีส่วนช่วยในการเสริมภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ให้เลือกชนิด เบต้า 1,3/1,6 D-กลูแคน ซึ่งถือเป็นใยอาหารชนิดไม่ละลายน้ำ (Insoluble Fiber) ทำให้มีคุณสมบัติในการลดไขมันคอเลสเตอรอลด้วย และยิ่งมีความบริสุทธิ์มากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยต่อร่างกายตามไปด้วยนะครับ ทั้งยังช่วยลดการอักเสบของเนื้อเยื่อ มีสารต้านอนุมูลอิสระมากมายที่ช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคร้าย อย่าง โรคมะเร็ง เป็นต้น

2. ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตใหม่

นอกจากจะต้องปรับวิถีชีวิตแบบ New Normal เพราะโควิด-19 แล้ว ฝุ่น PM2.5 ก็ทำให้เราต้องปรับวิถีชีวิตเช่นกัน นั่นคือ ก่อนออกจากบ้านให้เช็กค่าความเข้มข้นฝุ่น หากความเข้มข้นของฝุ่นเป็นสีส้ม ไปจนถึงแดง ควรสวมหน้ากากอนามัย N95 เพื่อป้องกันฝุ่น และไม่ควรทำกิจกรรมกลางแจ้งเลย โดยเฉพาะช่วงเวลาเช้าและเย็นค่าฝุ่นจะเข้มข้นขึ้นมากเนื่องจากความกดอากาศมากขึ้น นอกจากนี้ยังต้องระมัดระวังอาหารที่รับประทาน อาหารที่ขายตามข้างทาง เป็นไปได้ว่าฝุ่น PM2.5 มีโอกาสที่จะปะปนกับอาหารที่เราอาจจะรับประทานเข้าไป ควรเลือกอาหารจากร้านที่มิดชิด ทำสดใหม่ และสะอาด

3.ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี

การตรวจสุขภาพถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จำเป็นในยุคนี้เลยนะครับ ที่สำคัญควรตรวจเป็นประจำทุกปี เพื่อคัดกรองโรคต่าง ๆ โดยเฉพาะโรคที่มาพร้อมมลพิษ อย่างโรคมะเร็งปอด ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องมือในการตรวจคัดกรองที่ค่อนข้างแม่นยำและเชื่อถือได้ รวมไปถึงโรคอื่น ๆ เราจะได้วางแผนในการดูแลสุขภาพของเราได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ครับ