ตอนเด็ก ๆ ใครเคยโดนทักเรื่อง “น้ำเหลืองไม่ดี” บ้างครับ? เชื่อว่าหลายคนโตมากับคำทักนี้ ว่าแต่น้ำเหลือไม่ดีในที่นี้หมายถึงอะไร เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันหรือไม่ ที่สำคัญมีวิธีการอย่างไรในการดูแลตัวเองเพื่อไม่ให้เจอภาวะน้ำเหลือไม่ดีอีกในวัยผู้ใหญ่ วันนี้มีคำตอบมาฝากกันครับ
ระบบน้ำเหลืองคืออะไร?
ระบบน้ำเหลือง หรือ Lymphatic system เป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ประกอบไปด้วยเม็ดเลือดขาวลิมโฟไซต์ ที่มีอยู่จำนวนมากในต่อมน้ำเหลือง โดยหลอดน้ำเหลืองนี้จะเชื่อต่อกับอวัยวะต่าง ๆ มากมาย เช่น ต่อมไร้ท่อต่าง ๆ อย่างต่อมทอนซิล ต่อมไทมัส รวมถึงม้ามด้วย โดยระบบน้ำเหลืองมีหน้าที่สำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันมาป้องกันและกำจัดสิ่งแปลกปลอมออกจากร่างกายไม่ว่าจะเป็นเชื้อโรค ไวรัส แบคทีเรีย ฯลฯ
น้ำเหลืองไม่ดีคืออะไร?
ในความเป็นจริงแล้วคำว่า “น้ำเหลืองไม่ดี” ไม่มีในทางการแพทย์ เป็นภาวะการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง หรือเรียกอีกอย่างว่า Impetigo เกิดจากเชื้อแบคทีเรียสแตฟิโลค็อกคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) และสเตรปโตคอคคัส ไพโอจิเนส (Streptococcus pyogenes) สามารถเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย แต่พบมากในเด็กเพราะมีภูมิคุ้มกันในร่างกายที่ยังทำงานไม่เต็มที่เท่าวัยผู้ใหญ่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ใหญ่เป็นไม่ได้ ซึ่งหากเกิดภาวะนี้ในผู้ใหญ่อาจจะเป็นสัญญาณเตือนว่าคุณกำลังภูมิคุ้มกันในร่างกายตกนะครับ
น้ำเหลืองไม่ดีเกิดจากอะไร?
การติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังเกิดจากความสะอาด สำหรับเด็กอาจจะเกิดจากการไปเล่นในพื้นที่ที่สกปรก เช่น โรงรถ พงหญ้า สนามเด็กเล่นที่มีคนใช้งานร่วมกันจำนวนมาก เล่นดิน ทราย บ่อน้ำ ต่าง ๆ และสารสกปรกเหล่านั้นที่อยู่ตามซอกเล็บเมื่อมาสัมผัสกับร่างกายก็อาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ ส่วนในวัยผู้ใหญ่การติดเชื้อแบคทีเรียมีหลายปัจจัย เช่น เกิดจากภูมิคุ้มกันในร่างกายบกพร่อง เป็นโรคเรื้อรังอย่างเบาหวาน หรือพักผ่อนน้อยร่างกายอ่อนแอ ก็ไวต่อการติดเชื้อแบคทีเรียได้เช่นกัน
ป้องกันน้ำเหลืองไม่ดีได้ด้วยสารสกัดจากเบต้ากลูแคน
จะเห็นได้ว่าระบบน้ำเหลืองมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกันอย่างมาก การบำรุงให้ระบบน้ำเหลืองสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จำป้องกันไม่ให้ร่างกายไวต่อการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งสารสกัดจาก “เบต้ากลูแคน” สามารถกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างเต็มที่ เพราะไปทำงานกับเม็ดเลือดขาวโดยตรง ทั้งยังช่วยเรื่องการลดการอักเสบ ให้เนื้อเยื่อสามารถฟื้นฟูและซ่อมแซมตัวเองได้รวดเร็ว มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ที่สำคัญยังช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด สำหรับผู้ที่เป็นเบาหวาน ความดันโลหิต ก็สามารถรับประทานได้ ช่วยลดความเสี่ยงที่จะติดเชื้อแบคทีเรีย และโรคแทรกซ้อนได้ด้วย