นอกจากวัคซีนโควิด มีวัคซีนอะไรที่จำเป็นต้องฉีดอีกบ้าง?

วัคซีนโควิด

ในช่วงที่โควิด-19 ระบาดกว่า 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้เรามุ่งให้ความสำคัญกับการรับวัคซีนโควิดเป็นอย่างแรก จนทำให้หลาย ๆ คนลดความสำคัญกับวัคซีนอื่น ๆ ไป ทั้งที่จริง ๆ แล้วเราก็ควรจะต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะบนโลกนี้ไม่ได้มีแค่โคโรนาไวรัสเท่านั้นที่น่ากลัว โรคอื่น ๆ ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วก็ยังคงทำให้เราเจ็บป่วยได้ มาดูกันครับว่าวัคซีนอะไรบ้างนอกจากวัคซีนโควิดที่ควรฉีดเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย

1. วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี

เรียกได้ว่าเป็นวัคซีนที่ช่วยป้องกันมะเร็งชนิดแรกของโลกเลยก็ว่าได้ เพราะสามารถช่วยป้องกันมะเร็งตับ ที่เกิดจากภาวะไวรัสตับอักเสบบีได้ โดยนับว่าเป็นสาเหตุของมะเร็งตับถึง 80% นอกจากนี้วัคซีนป้องกันไวรัสตับอับเสบ ยังประกอบด้วยโปรตีนจากผิวของไวรัส (HBsAg)  ซึ่งไม่ทำให้เกิดการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี แต่จะไปกระตุ้นให้เกิดภูมิต้านทานขึ้นในร่างกาย สามารถฉีดได้ตั้งแต่เด็กทารกจนถึงวัยผู้ใหญ่ โดยฉีดทั้งหมด 3 เข็ม ห่างกันตามเวลาที่แพทย์แนะนำเลยครับ

2. วัคซีนป้องกันบาดทะยัก

หลาย ๆ คนเคยได้รับวัคซีนนี้มาแล้วช่วงทารกและสมัยเรียน แต่วัคซีนป้องกันโรคบาดทะยักต้องฉีดกระตุ้นทุก 10 ปีนะครับ แม้โรคนี้จะสามารถรักษาได้ แต่การป้องกันโดยการฉีดวัคซีนจะดีกว่า เพื่อไม่ให้อาการรุนแรงเมื่อได้รับเชื้อครับ

3. วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (HPV)

เป็นวัคซีนที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อ HPV (Human Papilloma Virus) ที่เป็นสาเหตุสำคัญในการเกิดมะเร็งปากมดลูก โดยไวรัสตัวนี้จะทำให้เซลล์ปากมดลูกอักเสบเรื้อรัง จนกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ โดยไวรัสชนิดนี้มีมากกว่า 40 สายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่รุนแรงมีไม่มาก ปัจจุบันมีการพัฒนาวัคซีนที่ช่วยป้องกันมะเร็งปากมดลูกหลายขนาน ทั้งป้องกันชนิด 4 สายพันธุ์ 6 สายพันธุ์  หรือ 9 สายพันธุ์ สามารถป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ถึง 70 – 90% และต้องฉีดให้ครบ 3 เข็ม ระยะห่างตามเวลาที่แพทย์แนะนำครับ วัคซีนนี้ไม่เพียงผู้หญิงที่สามารถฉีดได้ ผู้ชายก็ฉีดได้นะครับ เพราะจริง ๆ แล้วเชื้อไวรัส HVP ติดต่อจากผู้ชายด้วย โดยสามารถฉีดได้ตั้งแต่วัยเด็ก ยิ่งฉีดเร็ว ยิ่งลดเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปากมดลูกครับ

4. วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่

ตั้งแต่มีโควิด-19 หลายคนแทบจะลืมโรคนี้ไปเลย ทั้งที่ความรุนแรงของโรคไข้หวัดใหญ่ก็ถือว่ารุนแรงหากติดคนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ อย่างเด็กและคนชรา ฉะนั้นควรไปฉีดกระตุ้นทุก ๆ 1 ปี เนื่องจากไวรัสไข้หวัดใหญ่มีการกลายพันธุ์อยู่ตลอด โดยหลังฉีด 2 สัปดาห์จะสามารถกระตุ้นให้มีภูมิคุ้มกันได้ประมาณ 1 ปี

5. วัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า

โรคพิษสุนัขบ้าไม่ได้เกิดจากสุนัขเท่านั้น แต่หากโดนสัตว์เลือดอุ่น อย่างเช่น แมว กระต่าย หนู กระรอก กระแต ลิง กัด ขบ หรือข่วน ก็สามารถเกิดโรคพิษสุนัขบ้าได้ ซึ่งความอันตรายของโรคนี้สามารถทำให้เกิดภาวะช็อก และเสียชีวิตได้ หลังจากเป็นไข้ติดต่อกันหลายวัน หากได้รับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าก่อนโดนกัด ฉีดกระตุ้นภูมิหลังจากโดนกัด 2 เข็ม โดยไม่ต้องฉีดกระตุ้นรอบบาดแผล ใครที่เคยฉีดเมื่อสมัยเด็กแล้วสามารถไปฉีดกระตุ้นได้นะครับ โดยเฉพาะคนที่เลี้ยงสัตว์หรือชอบเล่นกับสัตว์

นอกจากการฉีดวัคซีนเพราะกระตุ้นภูมิคุ้มกันโรคเฉพาะแล้ว เพื่อน ๆ ทุกคนยังสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายโดยรวมด้วยการทานสารสกัดจาก “เบต้ากลูแคน” ได้ด้วย โดยจะเข้าไปทำหน้าที่กระตุ้นให้ร่างกายสร้างเซลล์ภูมิคุ้มกัน เพื่อป้องกันสิ่งแปลกปลอม ไม่ว่าจะเป็นไวรัส แบคทีเรีย จุลินทรีย์ หรือปรสิตต่าง ๆ ที่จะเข้าสู่ร่างกายเรา โดยเซลล์ภูมิคุ้มกันจะทำหน้าที่ดักจับ ป้องกัน และทำลายก่อนที่จะทำให้เราป่วย หากเรามีภูมิต้านทานที่มีประสิทธิภาพตลอดเวลา เราก็จะแข็งแรง ไม่ป่วยง่าย สุขภาพมวลรวมก็ดีไปด้วยครับ

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

TOP