การรับประทานผักสดหรือผักดิบเป็นที่นิยมของคนไทยหลายคน เพราะใช้รับประทานแกล้มร่วมกับอาหารอื่น ๆ เช่น น้ำพริก แม้การบริโภคผักจะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและมีประโยชน์ แต่การทานผักที่ดิบบางชนิดในปริมาณมากเกินไป อาจส่งผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันและสุขภาพในระยะยาว มาดูกันว่าการทานผักประเภทไหนบ้างที่มีความเสี่ยงก่อโรค และควรเลือกรับประทานอย่างไร
ผักดิบที่ไม่ควรบริโภคมากเกินไป
1. ผักโขม (Spinach)
ผักโขมมีสารออกซาเลต (Oxalate) สูง ซึ่งอาจขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมในร่างกาย หากบริโภคในปริมาณมากอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในไต นอกจากนี้ ออกซาเลตยังอาจทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอหากร่างกายขาดสารอาหารที่สำคัญ
2. กะหล่ำปลีและบรอกโคลี (Cabbage & Broccoli)
ผักในกลุ่ม Cruciferous เช่น กะหล่ำปลีและบรอกโคลี มีสารกอยโตรเจน (Goitrogens) ที่อาจขัดขวางการทำงานของต่อมไทรอยด์ หากบริโภคในปริมาณมากต่อเนื่อง อาจส่งผลต่อสมดุลฮอร์โมนและภูมิคุ้มกัน
3. ถั่วงอกดิบ (Raw Sprouts)
ถั่วงอกดิบมีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนแบคทีเรีย เช่น ซัลโมเนลลา (Salmonella) และอีโคไล (E. coli) ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษและระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง โดยเฉพาะในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น เด็กและผู้สูงอายุ
4. หน่อไม้ดิบ (Raw Bamboo Shoots)
หน่อไม้ดิบมีสารไซยาไนด์ในรูปของไกลโคไซด์ หากไม่ได้รับการปรุงให้สุก สารนี้อาจสะสมในร่างกายและก่อให้เกิดพิษต่อระบบประสาทและภูมิคุ้มกันได้
5. ถั่วฝักยาว
ถั่วฝักยาวมีปริมาณไกลโคโปรตีนพร้อมทั้งเลคตินสูง สารชนิดนี้จะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และอาจจะนำไปสู่อาการท้องเสียได้ นอกจากนี้การทานถั่วฝักยาวอาจทำให้ท้องอืด โดยเฉพาะในคนที่มีปัญหาเรื่องการย่อย และกลุ่มผู้สูงอายุ รวมทั้งมีโอกาสในการปนเปื้อนยาฆ่าแมลงที่ใช้ในการเพาะปลูกสูง
การทานผักดิบให้ปลอดภัย
การรับประทานผักประเภทที่กล่าวมาข้างต้น สามารถทำได้ด้วยวิธีง่าย ๆ คือนำไปลวก ต้ม หรือปรุงอาหารที่ต้องผ่านความร้อน เพราะความร้อนสามารถทำลายความเป็นพิษที่แฝงอยู่ในผักประเภทเหล่านี้ได้ นอกจากนี้ควรใส่ใจในเรื่องอื่น ๆ เช่น
– เลือกผักที่สะอาดและสดใหม่ ล้างผักด้วยน้ำสะอาดหลายครั้งก่อนนำไปรับประทาน
– จำกัดปริมาณการบริโภค หลีกเลี่ยงการบริโภคผักในปริมาณมากและสลับกับการรับประทานผักปรุงสุก
– รับประทานร่วมกับอาหารประเภทอื่น ๆ เพื่อให้ได้สารอาหารตามโภชนาการครบถ้วน
– สังเกตอาการผิดปกติ หากเกิดอาการไม่สบาย เช่น ปวดท้อง ท้องเสีย หรือมีอาการแพ้ ควรหยุดทานทันทีและปรึกษาแพทย์
เบต้ากลูแคนสารสกัดจากธรรมชาติที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
นอกจากการรับประทานผักและสารอาหารให้เพียงพอต่อวันเพื่อกระตุ้นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันแล้ว การรับประทานสารสกัดที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันก็สำคัญ “เบต้ากลูแคน” เป็นสารสกัดที่พบได้จากธรรมชาติ เช่น เห็ด ข้าวโอ๊ต และยีสต์ ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน
โดยเบต้ากลูแคนที่สกัดมาจากผนังเซลล์ของยีสต์ Saccharomyces Cerevisiae มีส่วนช่วยในการเสริมภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงสุดเท่าที่วงการวิทยาศาสตร์รู้จักในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังช่วยในการป้องกันและกำจัดเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกาย ลดการเกิดการอักเสบที่อาจเกิดจากการบริโภคอาหารที่มีความเสี่ยง ทำให้ร่างกายสามารถขจัดเชื้อโรคได้ดีขึ้น
แม้การรับประทานผักมักควบคู่มากับความเข้าใจว่ามีประโยชน์ แต่อะไรที่มากไปก็ไม่ใช่เรื่องดีครับ การดูแลสุขภาพโดยองค์รวม ด้วยการทานอาหารที่หลากหลายและโภชนาการครบถ้วน รวมไปถึงรับประทานสารสกัดจากเบต้ากลูแคนที่เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายอย่างสม่ำเสมอ ถือเป็นสิ่งที่น่าจะทำให้สุขภาพของเราแข็งแรงยั่งยืนได้มากขึ้น
หากเพื่อน ๆ ที่สนใจสารสกัดเบต้ากลูแคนเพื่อการดูแลสุขภาพอย่างยั่งยืน สามารถปรึกษาได้ฟรีทาง Inbox m.me/yourofficialthailand หรือ Line : @Yourthailand