อาการสมองล้า ที่มาจากความเครียด

วันเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ไม่เท่าไหร่ก็เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปีที่หนักหน่วงนี้ซะแล้ว ท่ามกลางความเหนื่อยล้าที่รุมเร้าตั้งแต่ต้นปีจนเกือบจะสิ้นปี ทำให้บางครั้งความเหนื่อยล้าเรื้อรังทำให้เราเริ่มหมดแรงกับในทุกๆ วัน เพียงแค่ตื่นลืมตาก็รู้สึกว่าวันนี้ต้องเหนื่อยอีกแล้ว อาการท้อแท้เหล่านี้ ไม่ได้เกิดจากความขี้เกียจแต่อย่างใดครับ แต่เป็นอาการที่กำลังบอกว่า คุณมีภาวะของ TATT (Tired All The Time) นั่นเอง

อาการ TATT หรืออาการ สมองล้า มีสาเหตุหลักมาจาก “ความเครียด” ครับ เกิดได้ทั้งในวัยเรียน วัยทำงาน แม้กระทั่งวัยผู้สูงอายุที่เกษียณแล้วก็ตาม เมื่อเผชิญกับภาวะความเครียด ร่างกายจะเกิดการกระตุ้นระบบประสาทซิมพาเธติก (Sympathetic Nervous System) และหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้ร่างกายเกิดความตื่นตัวและพร้อมรับมือกับความเครียดทั้งหลายที่เผชิญอยู่ แต่หากมีการสะสมความเครียดเป็นระยะเวลานาน เกิดการกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลต่อเนื่องจะส่งผลเสียหายต่อการทำงานของร่างกาย รวมทั้งสมองได้

ซึ่ง “อาการสมองล้า (TATT)” เป็นอาการที่ส่งผลให้เกิดความเสียหายทั้งต่อร่างกายและสมองทั้งหมด โดยเฉพาะสมองส่วนไฮโปทาลามัส (Hypothalamus) และฮิปโปแคมปัส (Hippocampus) ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการควบคุมเรื่องสัญชาตญาณ ความอิ่ม ความหิว ความดันโลหิต ฮอร์โมนต่างๆในร่างกาย รวมทั้งอารมณ์และความจำ ดังนั้นจึงก่อให้เกิดผลกระทบต่อร่างกายอย่างมาก 

•        ฮอร์โมนความอยากหรือไม่อยากอาหาร 

•        น้ำหนักเพิ่มขึ้น 

•        ความดันโลหิตสูง 

•        ส่งผลร้ายแรงต่อสมอง ซึ่งเป็นอวัยวะที่มีความซับซ้อนมากที่สุดของร่างกาย และแสดงออกมาในรูปแบบของอาการหัวตื้อ อ่อนเพลียถึงแม้จะพักผ่อนอย่างเต็มที่แล้ว 

•        ปวดหัวบ่อยๆ ขาดสมาธิ เหม่อลอย หลุดโฟกัส 

•        หากปล่อยให้สมองถูกทำร้ายจากอาการนี้เป็นระยะเวลานานๆ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์ได้ในที่สุด

หากภาวะเหล่านี้ เกิดขึ้นกับคุณบ่อยๆ รีบแก้ไขพฤติกรรม และทำตามวิธีง่ายๆ ที่ YOUR Beta Glucan นำมาฝากกันต่อจากนี้ครับ

1. เริ่มต้นด้วยการกินที่ดี 

ทราบไหมครับว่า เราสามารถเพิ่มหน่วยความจำด้วยการเลือกทานอาหารที่ดี และทานอาหารที่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูง รวมถึงวิตามินบและอาหารเสริมบางชนิด เช่น วิตามินบีที่ช่วยบำรุงสมอง  หรือจะเป็น Beta Glucan (เบต้ากลูแคน) ที่มีผลการวิจัยออกมารองรับสามารถกระตุ้นระบบประสาทให้ทำหน้าที่กำจัดสิ่งสกปรกออกจากเซลล์สมอง ทำให้มีความจำดีขึ้น ลดโอกาสการเป็นอัลไซเมอร์ ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้เข้มแข็ง และทำให้ร่างกายของเราหายเหนื่อยล้า ส่งผลให้ความเครียดลดลง ลดอาการปวดหัว และจิตใจสดชื่นแจ่มใสขึ้นได้อีกครั้ง

2. ลด ละ เลิก พฤติกรรมทำร้ายสมอง 

ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมประจำวันครับ ได้แก่ เลิกนอนดึก ไม่ใช้สมองหนักแบบ 24/7 หาเวลาท่องเที่ยวหรือพักผ่อนบ้าง หรือหาวิธีผ่อนคลายระหว่างวันเพื่อให้สมองปลอดโปร่ง

3. ออกกำลังกายเพื่อสมอง 

เมื่อเราอายุมากขึ้นแล้ว สมองของเรามีแนวโน้มที่จะหดตัวลง การทำงานบางอย่างก็อาจจะบกพร่องไป ความทรงจำเก่าก็ยากที่จะเข้าถึง ความทรงจำใหม่ก็ยากที่จะเก็บเช่นกัน แต่หากเราเริ่มหันมาออกกำลังกายเป็นประจำ เราจะสามารถป้องกันสมองที่ล้าไม่ให้สูญเสียไปมากกว่าเดิมได้ และทำให้สุขภาพส่วนอื่นดีขึ้นอีกด้วย ซึ่งค่อยๆ เริ่มจาก เบาๆ ก่อน อย่างประเภทคาร์ดิโอก็ได้ครับ 

4. สมาธิเพิ่มความทรงจำ 

วิธีเพิ่มความจำอีกวิธีง่ายๆ และผ่อนคลายมากที่สุด คือการนั่งสมาธิครับ เพราะจะทำให้จิตใจเรามีความสงบ แต่ในทางวิทยาศาสตร์ก็คือ ช่วยทำให้สมองเราได้หยุดพัก และทำงานน้อยลง รวมทั้งได้คิดทบทวนสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น แค่นี้ก็จะช่วยเพิ่มความทรงจำขึ้นมาได้เรื่อยๆ แล้วครับ

5. เล่นเกมช่วยฝึกสมอง 

อย่ามองข้ามเกมครับ เพราะไม่ใช่แค่ความสนุก แต่เป็นสิ่งที่เพิ่มความทรงจำอย่างแท้จริง เมื่อสมองได้ใช้งานพัฒนาเพิ่มเติมในการเสริมทักษะด้วยการเล่นเกม จะช่วยเปิดจินตนาการของเราและส่งผลดีต่อประสิทธิภาพในการคิดวิเคราะห์ในระยะยาวได้ เพราะคนเราถ้าสมองอยู่กับที่ ไม่ได้รับอะไรใหม่ๆ คิดแต่สิ่งเดิมๆ ก็จะทำให้เรารู้สึกเหนื่อยล้ากับสิ่งนั้นไปเรื่อยๆ และนอกจากนั้นเรายังไม่รู้สึกสนุกกับสิ่งที่กำลังทำอีกด้วย ดังนั้น การเล่นเกมที่เสริมทักษะ เพื่อจะช่วยให้พัฒนาตัวเองและให้สมองเราเองได้เพิ่มความจำขึ้นมาอัตโนมัติ แถมเรายังจะได้ทักษะใหม่ๆ หรือการคิดนอกกรอบเพิ่มมาอีกด้วยครับ

หากคุณมีอาการ TATT  อย่ามองข้ามครับ เพราะนี่คือการส่งสัญญาณของร่างกายที่บอกว่าคุณควรหยุดพักหรือรักษาร่างกายตัวเอง เพราะฉะนั้น ให้เวลากับงานแล้ว ควรให้เวลากับตัวเองบ้าง แล้วดูแลตัวเองให้มีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงอยู่เสมอนะครับ