ไขมันพอกตับ โรคร้ายที่กลายเป็นมะเร็งตับได้
“ตับ” เป็นอวัยวะที่สำคัญในร่างกายมีหน้าที่ทั้งช่วยสร้างสารอาหารและกำจัดของเสียที่มีอยู่ภายในตัวเรา ดังนั้น จะถือว่าตับเป็นเครื่องในที่มีความสำคัญต่อสุขภาพของเราก็ไม่ผิด เพราะหน้าที่ของตับอาจทำให้เกิดความเสี่ยงกับตับมากมาย และที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือ โรคตับแข็งและไขมัน พอกตับนั้น สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย แม้จะเป็นคนที่ไม่ดื่มเหล้าก็ตาม
ในปัจจุบันนี้ สามารถเกิดโรคภัยไข้เจ็บได้ง่ายขึ้นครับ ยิ่งโรคที่เกี่ยวกับพฤติกรรมการกิน ยิ่งพบเจอได้ง่าย ลองสังเกตตัวเองหรือคนรอบข้างดูก็ได้ครับ ยกตัวอย่างเช่น เวลาตรวจสุขภาพจะต้องมานั่งลุ้นว่า คอเลสเตอรอลจะเกินไหม หรือไตรกลีเซอไรด์จะพุ่งหรือไม่ โดยเฉพาะค่าน้ำตาลในเลือดที่มีผลให้เกิดความเสี่ยงสารพัดโรค
ซึ่งนอกจากโรคเบาหวานแล้ว ยังมีอีกหนึ่งโรคที่น่ากลัวไม่แพ้กัน คือ ไขมัน พอกตับ เกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถนำไขมันที่รับประทานแล้วไปใช้ได้หมด จนทำให้เกิดการสะสมอยู่ที่ตับ อีกทั้งยังเป็นภัยเงียบ เนื่องจากผู้ป่วยมักไม่รู้ตัวว่าตับมีความผิดปกติ เพราะส่วนใหญ่ไม่มีอาการใดๆ มักตรวจพบและได้รับการวินิจฉัยเมื่อมาตรวจสุขภาพประจำปี อาจมีอาการอ่อนเพลียควบคู่ไปด้วย รวมถึงมีอาการจุกแน่นบริเวณชายโครงขวา
ภาวะไขมัน พอกตับนั้นโดยส่วนใหญ่มักพบในผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง กลุ่มอาการอ้วนลงพุง ผู้ป่วยที่มีน้ำหนักตัวมาก ชอบรับประทานอาหารหวาน ไม่ออกกำลังกาย และโดยส่วนใหญ่ไขมันที่ไปพอกตับระยะแรกมักไม่มีอาการ แต่หากปล่อยทิ้งไว้จนเกิดการอักเสบเรื้อรัง อาจทำให้กลายเป็นตับแข็ง และอาจนำไปสู่การเกิดเป็นมะเร็งตับในที่สุด
พฤติกรรมเสี่ยงภาวะไขมัน พอกตับ
1. ผู้ที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน หรืออยู่ในเกณฑ์อ้วน
2. ผู้ที่ทานอาหารที่มีแป้ง น้ำตาล และไขมัน (เลว) สูงเป็นประจำ เช่น ขนมจากร้านเบเกอรี่ น้ำอัดลม อาหารทอด อาหารมัน เป็นต้น
3. ผู้ที่มีโรคประจำตัวเหล่านี้อยู่แล้ว ได้แก่ ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
4. อยู่ในวัยกลางคน อายุ 45-50 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มมีการเผาผลาญพลังงานน้อยลง
5. ขาดการออกกำลังกายเป็นประจำ จึงทำให้มีการเผลาผลาญพลังงานน้อยลง
6. ทานยาบางชนิดติดต่อกันเป็นเวลานาน เช่น ยาในกลุ่มสเตียรอยด์ และยาในกลุ่มที่เป็นฮอร์โมนทดแทน
7. ดื่มแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่เป็นประจำ
วีธีป้องกันภาวะไขมัน พอกตับ
2. ออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างน้อย 3-4 วันต่อสัปดาห์ ครั้งละ 45 นาที – 1 ชั่วโมง
1. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีแป้ง น้ำตาล และไขมัน (เลว) สูง เช่น เนื้อแดง อาหารทอด อาหารปิ้งย่าง ขนมจากร้านเบเกอรี่ น้ำอัดลม เครื่องดื่มน้ำตาลสูงอื่นๆ (ทานข้าวกล้องจะดีกว่าข้าวขาว) และเลือกทานผักผลไม้มากขึ้น
3. หากมีความจำเป็นต้องทานยาในกลุ่มสเตียรอยด์ และยาเสริมฮอร์โมน ควรปรึกษาแพทย์ถึงวิธีหลีกเลี่ยงภาวะไขมัน พอกตับ ภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูง
4. ผู้ที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน ให้ลดน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติให้ได้ สามารถปรึกษาแพทย์ได้เช่นกันว่าควรจะมีน้ำหนักอยู่ในระยะเท่าไร
5. ลดการดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่
6.ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี เพราะไขมัน พอกตับสามารถตรวจเจอในระยะแรกๆ ผ่านการตรวจเลือด และอัลตร้าซาวนด์เท่านั้น
เห็นมั้ยครับว่า อาหารที่เรากินเข้าไปนั้นส่งผลถึงสุขภาพตับโดยตรง ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงไขมันพอกตับที่จะกลายเป็นมะเร็งในอนาคต ควรเลือกทานอาหารที่ไม่มีไขมันสูง ออกกำลังกายเป็นประจำ รวมถึงทานอาหารเสริมประเภทเบต้ากลูแคนที่มีสรรพคุณช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ห่างไกลจากมะเร็งครับ
.