ไข้เลือดออกระบาดหนัก อันตรายที่พ่อแม่ห้ามมองข้าม!

ไข้เลือดออก

แม้เราจะผ่านการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มาแล้ว แต่โรคประจำถิ่นที่เคยมีก็ยังคงมีความรุนแรงของโรคไม่ต่างจากเดิม โดยเฉพาะ “ไข้เลือดออก” เด็กที่เป็นกลุ่มเปราะบางที่มีความเสี่ยงมากกว่าคนอื่น ทำให้พวกเขาอาจจะติดเชื้อโรคได้ง่าย และมีอาการที่ค่อนข้างรุนแรง เพราะภูมิคุ้มกันยังทำงานได้ไม่เต็มที่ ชวนป้องกันไข้เลือดก่อนให้ลูกก่อนสายเกินไป

 

ความอันตรายของโรคไข้เลือดออกต่อเด็ก อาการของไข้เลือดออกแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่

 

ระยะที่ 1: ระยะนี้เป็นระยะแรกที่เชื้อเพาะแล้วอาจจะทำให้เด็กมีไข้สูงและเป็นติดต่อกันหลายวัน โดยมีอาการปวดหัว ปวดเมื่อยตามตัว คลื่นไส้อาเจียน โดยเฉพาะฤดูฝนหากมีอาการเช่นนี้ควรพาลูกไปพบแพทย์โดยด่วน ไม่ควรรักษาเองด้วยการรับประทานยาและเช็ดตัว เพราะไม่อาจทำให้ไข้หลายไปเองได้ ที่สำคัญไม่ควรให้กินยาเองตามใจชอบ เพราะอาจจะทำให้ระคายเคืองและเลือดออกภายในได้

 

ระยะที่ 2: ระยะนี้ถือเป็นระยะอันตราย อาการทั่วไปมีมากขึ้น ไข้สูงติดต่อกันเป็นเวลานาน เช็ดตัวแล้วก็ยังคงไข้ไม่ลด ตัวร้อน ปวดหัว อาเจียนหนักขึ้น เบื่ออาหาร ท้องอืด ที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า มีสีแดงมากขึ้น มีตุ่มแดงตามตัวอย่างเห็นได้ชัด ช่วงนี้เด็กบางคนเริ่มมีอาการเพ้อ พูดคุยไม่รู้เรื่อง กระสับกระส่าย มือเท้าเย็น ซึ่งอาจจะนำไปสู่ภาวะช็อกได้ ที่สำคัญช่วงนี้เป็นช่วงที่ต้องป้องกันอาการแทรกซ้อนพ่อแม่ควรรีบพาไปพบแพทย์โดยด่วน

 

ระยะที่ 3: เป็นช่วงระยะของการฟื้นตัว หากได้รับการรักษาและได้ยาอย่างถูกต้อง โดยไข้เริ่มลด เกล็ดเลือดสูงขึ้น อาการทั่วไปดีขึ้น ไม่อาเจียน ไม่ท้องอืด สามารถรับประทานอาหารได้มากขึ้น รวมไปถึงขับถ่ายและปัสสาวะได้ปกติ และหลังจากนี้ประมาณ 2-3 วันอาการจะกลับมาหายดีปกติ

 

ป้องกันไข้เลือดออกให้ลูกอย่างยั่งยืน

1. ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออก โดยวัคซีนที่มีในท้องตลาดตอนนี้สามารถป้องกันและช่วยลดความรุนแรงของโรคได้ โดยเฉพาะกับคนที่เคยเป็นไข้เลือดออกมาแล้ว โดยเฉพาะคนอายุ 9-45 ปี โดยฉีดจำนวน 3 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 6 เดือน สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสเดงกีได้ถึงร้อยละ 90

2. การรับประทานสารสกัดสำหรับเด็กเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน การสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากมีภูมิคุ้มกันที่ดีก็สามารถป้องกันการติดเชื้อจากสิ่งแปลกปลอมได้ ไม่ว่าจะเป็นไวรัส แบคทีเรีย ปรสิต โดยภูมิคุ้มกันที่มีในร่างกายจะไปดักจับและทำลายก่อนที่จะทำให้ลูกไม่สบายหรือเปล่า ซึ่งการเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ลูกถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ยั่งยืนและปลอดภัย โดยสารสกัดที่แนะนำ เช่น เบต้ากลูแคน กระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกัน, สารสกัดจากเอลเดอร์เบอร์รี ป้องกันหวัด, อะเซโรลา เชอร์รี ลดอาหารหวัด หายไข้เร็วขึ้น

3. ดูแลปัจจัยภายนอก การทำบ้านให้มิดชิดลดพื้นที่ให้ยุงลายที่เป็นพาหะเข้าบ้าน ดูแลบริเวณน้ำขังรอบบ้านลดพื้นที่การวางไข่ของยุงลาย หมั่นตรวจสอบกับครูหรือสถานรับเลี้ยงเด็กว่ามีเด็กป่วยหรือไม่เพราะอาจจะต่อต่อกันได้

 

ความเสี่ยงที่เด็กจะเป็นไข้เลือดออกมีมากกว่าผู้ใหญ่ และเสี่ยงที่จะอาการรุนแรงกว่าได้นะครับ หากลูกป่วยเกิน 2-3 วัน พ่อแม่ไม่ควรนิ่งนอนใจ แต่ควรพาไปพบแพทย์เพราะตรวจหาโรคที่แน่ชัด จะได้ทำการรักษาอย่างถูกวิธี และอย่างลืมดูแลลูกในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงให้มากขึ้น เพื่อสุขภาพลูกน้อยที่แข็งแรงครับ

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

TOP