ไขมันพอกตับ อันตรายของคนรุ่นใหม่

ไขมันพอกตับ

ต้องยอมรับว่าคนรุ่นใหม่ในยุคนี้ต้องเผชิญกับปัญหาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสังคมและเศรษฐกิจ ไหนจะต้องต่อสู้กับโรคระบาดนานหลายปี ทำให้คนรุ่นไหนหลายคนเลือกที่จะระบายความเครียดหรือใช้เวลาในวันหยุดไปกับการรับประทานอาหารที่ชื่นชอบ โดยตัวเลือกก็มักจะเป็นอาหารยอดฮิตไม่ว่าจะเป็นบุฟเฟ่ต์ ฟาสต์ฟู้ด อาหารรสจัด ไหนจะฉลองด้วยการดื่มแอลกอฮอล์ นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้คนรุ่นใหม่เสี่ยงที่จะเป็นโรคไขมันพอกตับมากยิ่งขึ้น

ไขมันพอกตับเกิดจากอะไรได้บ้าง?

ภาวะไขมันพอกตับ คือ การสะสมของไขมันในเซลล์ตับอ่อนต่อเนื่องเป็นเวลานาน ซึ่งส่งผลให้ตับเกิดการอักเสบ และส่งผลต่อการทำงานของตับเพราะอาหารประเภทไขมันจะถูกไปเผาผลาญที่ตับ หากมีไขมันมากเกินความจำเป็นจะถูกสะสมอยู่ที่ตับในรูปแบบของไตรกลีเซอร์ไรด์ ซึ่งส่งผลต่ออวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายตามมา ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนมากมาย โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้อรังได้ โดยสามารถเกิดจากสาเหตุดังนี้

1. การรับประทานอาหารประเภทไขมันเป็นประจำ

2. การดื่มแอลกอฮอล์มาเป็นระยะเวลานาน หรือดื่มมากเป็นประจำ

3. มีน้ำหนักตัวมาก หรือเป็นโรคอ้วน

4. ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบทั้ง A และ B

5. การลดน้ำหนักอย่างผิดวิธีทำให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วเกินไป หรือการผ่าตัดกระเพาะและเกิดภาวะแทรกซ้อน

6. ผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด เช่น ยาเสตียรอยด์ ยาปฏิชีวนะบางชนิด ยากระตุ้นฮอร์โมน

ทำไมคนรุ่นใหม่ที่มีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น

โดยปกติโรคนี้มักจะตรวจพบในคนอายุ 40 ปีขึ้นไป แต่ปัจจุบันมีไม่น้อยที่มีคนอายุน้อยป่วยด้วยโรคนี้ ด้วยพฤติกรรมการใช้ชีวิต ทั้งการรับประทานอาหารไขมันสูง น้ำตาลสูง และโซเดียมสูง ซึ่งมักจะเป็นอาหารยอดนิยม อย่างหมูกระทะ ชาบู อาหารแปรรูปต่าง ๆ เช่น ลูกชิ้น เบคอน แฮม หรือกลุ่มเครื่องดื่มอย่างชานมไข่มุก เครื่องดื่มชูกำลัง และอาหารประจำชาติคนไทยอย่างยำที่โซเดียมสูงมาก นอกจากนี้การดื่มแอลกอฮอล์มาก ๆ ก็มีส่วนอย่างยิ่งที่ทำให้เกิดไขมันพอกตับครับ

ป้องกันไขมันพอกตับ ควบคุมไขมันให้สมดุล

จะเห็นได้เลยว่าไขมันพอกตับเกิดจากการบริโภคไขมันที่มากเกินความจำเป็น ทั้งหลายคนยังไม่ออกกำลังกายทำให้ไขมันไปสะสมที่ตับจำนวนมาก แม้จะใช้เวลานานแต่ปริมาณที่มากเกินไปของไขมันก็เสี่ยงที่จะทำให้หลายคนเป็นโรคไขมันพอกตับได้ นอกจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการเลือกรับประทานอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอแล้ว ควรเพิ่มการรับประทานสารสกัดอย่างฮอร์ธอร์นและโคคิวเท็นเข้าไปด้วย เพราะสารสกัดชนิดนี้ช่วยเรื่องการควบคุมไขมันคอลเลสเตอรอลให้อยู่ในระดับที่สมดุล เพิ่มการเผาผลาญ และช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือดได้ด้วย นอกจากนี้ยังช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว ให้เลือดไหลเวียนได้ดี ป้องกันไขมันไปอุดตันในหลอดเลือด ทั้งโคคิวเท็นยังไปช่วยเพิ่มพลังงานให้การทำงานของตับเป็นไปได้ดียิ่งขึ้น ทั้งสองชนิดยังส่งเสริมการทำงานให้กันและกัน ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและมีสภาวะที่สมดุลขึ้น

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

TOP