แม้จะเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว แต่หลายพื้นที่ยังต้องเผชิญกับอากาศร้อนอบอ้าวสลับฝนตกหนัก อุณหภูมิที่แปรปรวนในแต่ละวันเช่นนี้ไม่เพียงส่งผลต่อความรู้สึกไม่สบายตัวเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดกลุ่มอาการที่คนโบราณเรียกว่า “โรคลมฝน” ซึ่งแม้จะไม่มีบัญญัติในตำราแพทย์แผนปัจจุบันอย่างชัดเจน แต่หากแปลความหมายในเชิงสุขภาพ โรคลมฝนคือกลุ่มอาการเจ็บป่วยที่มักเกิดขึ้นจาก “สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงกะทันหัน” โดยเฉพาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัว
อากาศเปลี่ยน สัญญาณที่ร่างกายปรับไม่ทัน
เมื่อร่างกายต้องเผชิญกับฝนตก – แดดออก – ลมแรงสลับไปมา ภูมิคุ้มกันของร่างกายที่เคยตั้งรับอย่างมั่นคงก็อาจเริ่มอ่อนแอลง โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีโรคประจำตัว เช่น
– โรคหัวใจและความดันโลหิตสูง อาจรู้สึกเหนื่อยง่าย ใจสั่น หรือเวียนศีรษะจากการที่ความดันขึ้นลง
– โรคระบบทางเดินหายใจ อย่างหอบหืด ภูมิแพ้ หรือหลอดลมอักเสบเรื้อรัง มักกำเริบในวันที่อากาศเย็นชื้น
– ผู้ป่วยโรคเบาหวาน อาจมีภูมิคุ้มกันต่ำกว่าปกติ เสี่ยงต่อการติดเชื้อในช่วงอากาศเปลี่ยน
– ผู้สูงอายุ และเด็กเล็ก ก็เป็นอีกกลุ่มที่ร่างกายตอบสนองต่อสภาพอากาศได้ช้ากว่าคนทั่วไป
“ลมฝน” ไม่ใช่แค่หวัด แต่แฝงภัยซ่อนเร้น
อาการของโรคลมฝนที่พบได้บ่อย ได้แก่ ปวดหัว ตัวร้อน วิงเวียน มีไข้ต่ำ ๆ เหนื่อยง่าย คัดจมูก ไอแห้ง ๆ หรือรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวคล้ายจะไม่สบาย แต่หากปล่อยไว้โดยไม่พักผ่อน หรือไม่ดูแลร่างกายให้ดี ก็อาจนำไปสู่โรคติดเชื้อ เช่น ไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดจากไวรัส หรือโรคทางเดินหายใจที่รุนแรงขึ้นได้
วิธีป้องกันโรคลมฝนในกลุ่มเสี่ยง
– อย่าให้ร่างกายเปียกชื้นนานเกินไป
เมื่อเปียกฝน ควรรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและอาบน้ำอุ่น หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่อากาศเย็นหรือเปลี่ยนแปลงเร็ว เช่น ห้องแอร์
– เสริมภูมิคุ้มกันร่างกายจากภายใน
รับประทานอาหารที่มีวิตามินซี เช่น ผลไม้สด อะเซโรลา เชอร์รี และสารสกัดจากธรรมชาติที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน เช่น
– เสริมภูมิคุ้มกันด้วยสารสกัดจากเบต้ากลูแคน (Beta-glucan)
ช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวให้ดักจับเชื้อโรคได้ดีขึ้น
– ดูแลสุขภาพหัวใจและความดันโลหิตด้วยสารสกัดจากฮอร์ธอร์นและโคคิวเท็น
เพื่อช่วยบำรุงหัวใจให้แข็แรง และเสริมให้การไหลเวียนเลือดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
– เพิ่มวิตามิน D และ Zinc ก็เป็นอีกสารอาหารที่ควรได้รับอย่างเพียงพอ
ผู้ที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนเลือกอาหารเสริม
– นอนหลับให้เพียงพอ
ภูมิคุ้มกันที่ดีเริ่มจากการพักผ่อนที่เหมาะสม อย่านอนดึกเกินไปหรืออดนอนต่อเนื่องในช่วงที่อากาศเปลี่ยน
– หลีกเลี่ยงการเดินทางในช่วงฝนตกหนักหรืออากาศร้อนจัด
เพราะการเปลี่ยนอุณหภูมิอย่างรวดเร็วอาจกระตุ้นอาการของโรคประจำตัวที่เป็นอยู่ให้กำเริบได้
โรคลมฝนในวันที่อากาศร้อนจัดหรือฝนตกไม่ใช่เรื่องไกลตัว โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคประจำตัว การรู้เท่าทันร่างกาย และเตรียมตัวรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของอากาศในแต่ละวัน คือหัวใจสำคัญของการป้องกันโรค และหากอยากให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรงพร้อมทุกฤดู การดูแลตั้งแต่ภายในด้วยอาหารที่ดี พักผ่อนให้เพียงพอ และเสริมด้วยสารอาหารธรรมชาติก็เป็นแนวทางที่ยั่งยืน หากสนใจสารสกัดที่ช่วยดูแลสุขภาพโดยรวม สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Inbox m.me/yourofficialthailand หรือ Line : @Yourthailand

