รวบรวมงานวิจัย ไขข้อสงสัยเกี่ยวกับเบต้ากลูแคน
จุดเริ่มต้นของงานการวิจัยเบต้ากลูแคน
ประวัติการวิจัยของเบต้า กลูแคน เริ่มต้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1940 (พ.ศ. 2483) โดยนักวิทยาศาสตร์ได้นำมาพัฒนาจากผนังเซลล์ของยีสต์ เพื่อมาใช้กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์ในการต่อสู้กับโรคร้ายต่างๆ ในสมัยนั้นครับ ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็งที่ผู้ป่วยจะต้องรับการรักษาด้วยวิธีฉายแสง รวมถึงโรคติดเชื้อต่างๆ แผลจากการผ่าตัด และแผลฝีหนองต่างๆ
ใครเป็นคนเริ่มต้นการวิจัยครั้งแรกนี้
เกิดขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ชื่อ ดร. หลุยส์ พิวลีเมอ (Louis Pillemer, Ph.D) และทีมงาน ได้ศึกษาตัวยาผสมที่สกัดมาจากผนังเซลล์ของยีสต์ ซึ่งมีส่วนประกอบประเภท โปรตีน ไขมัน และแป้ง โดยได้รายงานสรรพคุณไว้ว่าเป็นตัวยาที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพภูมิคุ้มกันของร่างกายอย่างไม่จำเพาะเจาะจง ซึ่งนั่นแปลว่า ต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์และสิ่งแปลกปลอมทุกชนิดไม่เลือกหน้า ไม่ว่าจะเป็นไวรัส แบคทีเรีย เชื้อราและมะเร็ง แต่ในขณะนั้น ยังมีผลข้างเคียงมาก เนื่องจากตัวเบต้ากลูแคนในตอนนั้นยังไม่บริสุทธิ์เพียงพอ
ในที่สุด! ก็ค้นพบเบต้ากลูแคนบริสุทธิ์
ในปี ค.ศ. 1960 (พ.ศ. 2503) ดร.นิโคลัส ไดลูซิโอ (Nicholas Di-Luzio, Ph.D) จากมหาวิทยาลัยทูเลน (Tulane University) ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทำการวิจัยเบต้ากลูแคนขยายผลจนพบว่าสารซึ่งมีคุณสมบัติกระตุ้นภูมิต้านทานให้เข้มแข็ง นั่นก็คือ เบต้า 1,3 ดี กลูแคน (Beta 1,3 D Glucan) ซึ่งเป็นน้ำตาลกลูโคสเชิงเดี่ยว มีโมเลกุลเป็นรูป วงแหวนมาต่อกันเป็นเส้นตรงยาว เรียกว่า กลูแคน (Glucan) จากการค้นพบนี้ทำให้นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบข้อมูลการทำงานที่แท้จริงของเบต้ากลูแคน ว่ามีความสามารถไปจับกับเซลล์เม็ดเลือดขาว เพื่อไปกระตุ้นให้เม็ดเลือดขาวแข็งแรงและทำงานได้ดีขึ้น จึงทำให้ระบบภูมิคุ้มกันเราแข็งแรงขึ้น และ เบต้ากลูแคนที่ ดร.ไดลูซิโอ ค้นพบนั้นไม่มีผลทางด้านลบ เหมือนกับการทดลองในครั้งแรก กล่าวคือ การใช้ยาเบต้ากลูแคนนั้นไม่พบว่าผู้ใช้มีอาการข้างเคียงเลย
งานวิจัยเบต้ากลูแคนกับการรักษามะเร็ง
เบต้ากลูแคนเป็นที่รู้จักมากขึ้นว่ามีประสิทธิภาพทางยาในปี ค.ศ. โดยนายแพทย์ Peter W Mansell, MD ได้เขียนผลการศึกษาลงในวารสารสถาบัน มะเร็งแห่งชาติสหรัฐอเมริกา โดยอธิบายถึงการฉีด Beta 1,3 D Glucan เข้าไปในก้อนเนื้องอกมะเร็งผิวหนัง (Melanoma) ของคนไข้ 9 คน พบว่า ขนาดของมะเร็งหดเล็กลงอย่างรวดเร็วภายในเวลา 5 วันและถ้าเป็นก้อนเล็กๆ จะหายไปอย่างสมบูรณ์
งานวิจัยเบต้ากลูแคนในการทำงานกับเซลล์เม็ดเลือดขาว
ในช่วงปีค.ศ. 1980 เป็นต้นมา มีงานการวิจัยสำคัญชิ้นหนึ่งคือ การศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาด (Harvard University) ที่นำโดย Dr. Joyce K Czop, Ph.D) และคณะ ได้รับรายงานถึงการค้นพบตำแหน่งบนผิวของเยื่อหุ้มเซลล์เม็ดเลือดขาวขนาดใหญ่ (Macrophage) ซึ่งจะจับกับเบต้ากลูแคน ได้อย่างแม่นยำ และเฉพาะเจาะจงเปรียบเหมือนลูกกุญแจเข้าได้อย่างพอดี ซึ่งตำแหน่งดังกล่าวเป็นกลุ่มของโมเลกุลโปรตีนที่สร้างพื้นที่บนผิวของเม็ดเลือดขาวขนาดใหญ่ ชื่อ แมคโครเฟจ Machophage ที่มีความเหมาะสมเฉพาะกับเบต้ากลูแคนเท่านั้น โดยเรียกว่า “ตัวรับที่เฉพาะ” (Specific Receptor) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ Dentin-1 (เดนตินหนึ่ง)
เบต้ากลูแคนช่วยต่อสู้กับโรคติดเชื้อต่างๆ และลดการใช้ยาแก้อักเสบ
จากงานการวิจัยที่ทดลองในสัตว์ แสดงให้เห็นว่า สารอาหารประเภทเบต้ากลูแคนนั้นสามารถลดปริมาณการใช้ยาแก้อักเสบจากแผลผ่าตัดและการติดเชื้อต่างๆ ได้ โดยการทดลองใช้ในหนูพบว่า หนูที่มีเยื่อบุช่องท้องอักเสบที่ได้รับการรักษาด้วยเบต้ากลูแคนควบคู่กับการใช้ยาแก้อักเสบจะเพิ่มการมีชีวิตรอดอีก 56%
ในปี ค.ศ. 1987 (พ.ศ. 2530) นายแพทย์ วิลเลียม บราวน์เดอร์ (William Browder, M.D.) จากมหาวิทยาลัยทูเลนได้ทำการศึกษากับคนไข้จำนวน 21 ราย ที่มีแผลจากการผ่าตัด โดยคนไข้ทั้งหมดนี้ได้รับสารเบต้ากลูแคนด้วยการฉีดทุกวันเป็นเวลา 1 สัปดาห์ นายแพทย์ บราวน์เดอร์ พบว่า การติดเชื้อของผู้ป่วยกลุ่มนี้ลดลงอย่างมาก ซึ่งมีเพียง 9.5 % ที่มีผลของการติดเชื้อ และถ้าเปรียบเทียบกับผู้ป่วยที่ไม่ได้รับสารเบต้ากลูแคนจะมีประมาณ 49% ที่ติดเชื้อ
เบต้ากลูแคนมีส่วนช่วยในการรักษาโรคที่ติดเชื้อจากเชื้อรา
จากงานการวิจัยที่ผ่านมาเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า เบต้ากลูแคนนั้น สามารถช่วยในการรักษาผู้ป่วยจากการติดเชื้อได้เป็นอย่างดี นักวิทยาศาสตร์ที่ University of Sao Paulo ประเทศบราซิล ได้ทดสอบความสามารถเพิ่มเติมของเบต้ากลูแคนในการช่วยเสริมภูมิคุ้มกันเพื่อต่อต้านการติดเชื้อทางผิวหนังจากเชื้อรา การทดลองนี้ได้ทำการทดสอบผู้ป่วยที่เป็นโรคติดเชื้อทางผิวหนังจากเชื้อรา จำนวน 9 ราย โดยได้มีการฉีดเบต้ากลูแคนให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้ ทุกสัปดาห์เป็นเวลา 1 เดือน และหลังจากนั้น ฉีดให้ทุกเดือนเป็นเวลา 11 เดือน โดยการทดสอบนี้และทานยาที่ใช้รักษาโรคติดเชื้อจากเชื้อราควบคู่ไปด้วย
งานวิจัยเบต้ากลูแคนในปัจจุบัน
ปัจจุบันมีหน่วยงานวิจัยต่างๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะจากมหาวิทยาลัยทางการแพทย์ชั้นนำของโลก ได้ออกมาสนับสนุนถึงประสิทธิภาพของเบต้ากลูแคนว่ามีประสิทธิภาพและเป็นตัวช่วยชั้นดีในเชิงการแพทย์ พร้อมทั้งยังมีเอกสารทางวิชาการมากกว่า 1,000 รายงาน มีผลการศึกษาค้นคว้า ซึ่งรับรองคุณภาพของเบต้ากลูแคน ว่าช่วยภูมิต้านทานทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งชนิด เบต้า 1,3 ดี กลูแคน (Beta 1,3 D Glucan)
เบต้ากลูแคนจึงเป็นสารอาหารมากประโยชน์ที่จำเป็นต่อร่างกาย
ในปัจจุบันเบต้ากลูแคน เป็นหนึ่งในส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในหลายๆ ชนิดครับ ซึ่ง
เบต้ากลูแคนนั้นแตกต่างจากอาหารเสริมโดยทั่วไป เพราะอาหารเสริมหรือวิตามินโดยทั่วไปจะช่วยเติมในสิ่งที่ร่างกายขาดไป แต่การทำงานของเบต้ากลูแคนจะมีความพิเศษกว่า เพราะจะช่วยการบำรุงความแข็งแรงให้เม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้เม็ดเลือดขาวทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อระบบภูมิคุ้มกันของเราแข็งแรง ร่างกายก็จะสามารถปกป้องเราจากโรคภัยไข้เจ็บ หรือเชื้อโรคต่าง ๆ อย่างเช่น ไวรัส แบคทีเรีย ปรสิต เชื้อรา หรือเซลล์ร่างกายที่ผิดปกติได้ ซึ่งงานวิจัยทั้งหมดที่เรายกมาอธิบายทั้งหมดนี้ ก็ยืนยันได้ดีกว่า เบต้ากลูแคน นับว่าเป็นอาหารเสริมที่เหมาะสำหรับทุกคนจริงๆ ครับ
.
อ้างอิง:
- Beta Glucan BioActivity: Barsanti L, Passarelli, etc, “Chemistry, physico-chemistry and applications linked to biological activities of B-glucans,” Nat Prod Rep 28(3):457-66, PMID: 2120441, Mar 2011.
- Beta Glucan Phagocytosis: Pacheco P, et al, “Effects of microparticle size and Fc density on macrophage phagocytosis.” PLoSOne, 8(4):e60989. PMID:23630577; PMCID:PMC363260 . Apr 22, 2013.