เมื่อปลายปี 2564 ทางองค์การอนามัยโลกได้ประกาศการระบาดยกระดับสายพันธุ์โคโรนาไวรัสที่น่ากังวลเพิ่มเติม โดยมีรหัสที่เรียกว่า โควิดสายพันธุ์ B.1.1.529 หรือ โอไมครอน Omicron ถูกรายงานว่าพบครั้งแรกในตอนใต้ของทวีปแอฟริกาใต้ ที่ประเทศบอตสวานา นับเป็นสายพันธุ์ที่ 5 นับตั้งแต่เกิดการะบาดของโควิด-19 มามากกว่า 2 ปี มาดูกันว่าสายพันธุ์นี้มีความอันตรายและน่ากังวลแค่ไหน รวมถึงเราจะป้องกันตัวเองได้อย่างไรบ้าง
ความน่ากังวลของสายพันธุ์โอไมครอน
โคโรนาไวรัส สายพันธุ์โอไมครอน มีการกลายพันธุ์ของยีนรวมทั้งสิ้น 50 ตำแหน่ง แตกต่างจากสายพันธุ์ก่อนหน้าเป็นอย่างมาก โดยจุดที่มีการกลายพันธุ์ของโปรตีนบนส่วนหนามของไวรัสมีมากขึ้น 32 ตำแหน่ง และยังมีการกลายพันธุ์ที่ส่วนตัวรับ (receptor binding domain) ซึ่งไวรัสใช้จับยึดกับเซลล์ของคนเราถึง 10 ตำแหน่ง ขณะที่สายพันธุ์เดลตาที่ระบาดหนักครอบงำทั่วโลกอยู่ขณะนี้ มีการกลายพันธุ์ในส่วนนี้เพียง 2 ตำแหน่งเท่านั้น และการคาดการณ์ของนักวิทยาศาสตร์ได้คาดการณ์ความน่าจะเป็นเกี่ยวกับการกลายพันธุ์ครั้งนี้ ดังนี้
– ไวรัสอาจจะแพร่กระจายได้เร็วกว่าสายพันธุ์เดลตา
– เข้าสู่ร่างกายมนุษย์ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
– มีแนวโน้มต่อต้านวัคซีนที่มีอยู่ในขณะนี้
– อาจจะหลบหลีกภูมิคุ้มกันได้ดีขึ้น
– ภูมิคุ้มกันของคนที่ติดโควิดสายพันธุ์ก่อนหน้า อาจจะติดเชื้อโอไมครอนได้
– ยังไม่สามารถคาดการณ์ความรุนแรงของโรค ต้องรอการศึกษาเพิ่มเติม
เช็กลิสต์อาการหากติดโควิดโอไมครอน
– อาจจะไม่แสดงอาการป่วยที่เด่นชัด
– รู้สึกไม่สบาย 1-2 วัน
– จมูกยังได้กลิ่น รับรสได้ดี
– ไม่ค่อยมีไข้ หรือไข้ต่ำ
– เหนื่อยล้า และปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ
– ไอ ระคายคอ หรือจาม
– อาการอาจจะไม่ชัดเท่าสายพันธุ์อื่น ๆ ตรวจเจอยาก
– เฝ้าระวังผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ หากติดเชื้ออาจทำให้มีอาการรุนแรง
– อาการโดยรวม เบื้องต้นพบว่าไม่รุนแรง สามารถรักษาที่บ้านได้
ดูแลตัวเองและสังเกตอาการตัวเอง พร้อมใส่ใจคนรอบข้าง
หลายประเทศประกาศอยู่ร่วมกับโควิด ติดก็สามารถรักษาได้ หรือหากติดก็ต้องรับผิดชอบต่อส่วนรวมด้วยแจ้งคนที่อยู่รอบตัว รักษาตัวเองให้หายดี และก็สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ แต่ทางที่ดีคงไม่มีใครอยากติด ฉะนั้นเรายังคงต้อง สวมหน้ากากอนามัยเมื่อออกนอกบ้าน เว้นระยะห่าง เลี่ยงไปในที่ที่ผู้คนแออัด ล้างมือให้บ่อย ดูแลทำความสะอาดที่พักอาศัยอยู่เสมอ แม้โควิดสายพันธุ์โอไมครอนจะมีโอกาสติดกันง่ายขึ้น แต่อาการน้อยมาก บางรายสามารถดูแลตัวเองที่บ้านได้ ที่สำคัญอย่างเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายด้วยเบต้ากลูแคนเสมอ กระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายให้ทำงานได้อย่างแข็งขัน ลดความเสี่ยง และคุ้มกันเราจากเชื้อโรคในทุกวันนะครับ