เครียดสะสมบ่อย ต้องถนอมพลังสมองก่อนเสี่ยงโรคร้าย
“ความเครียดสะสมยาวนาน สามารถกระตุ้นโรคต่างๆ ได้ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคสมองเสื่อม โรคซึมเศร้า และโรคมะเร็ง”
อย่างที่รู้กันดีว่า สมองของเรานั้น มีหน้าที่ควบคุมและสั่งการ การเคลื่อนไหว พฤติกรรม และภาวะธำรงดุลในร่างกายของเรา ไม่ว่าจะเป็นการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต สมดุลของเหลวในร่างกายและอุณหภูมิ เป็นต้น นอกจากนั้นการทำงานของสมองยังเกี่ยวข้องกับการรับรู้ อารมณ์ ความจำ การเรียนรู้การเคลื่อนไหว และความสามารถอื่นๆ ของเราด้วย
แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ประสิทธิภาพของสมองจะลดลง หลายครั้งที่เรามักจะพบว่า คนที่ใช้ร่างกายอย่างหนัก พักผ่อนน้อย จะมีภาวะเครียดสะสมจนเกิดภาวะสมองล้า ซึ่งในระยะสั้นนั้นจะส่งผลให้ความจำและการทำงานของสมองลดลง ส่วนในระยะยาวอาจทำให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน โรคความจำเสื่อมก่อนวัยได้ครับ ดังนั้น การใส่ใจดูแลสมองแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้เราห่างไกลโรคเหล่านี้ได้
ทำงานหนักเกินไปทำให้ ‘สมองล้า’
หากคุณมีอาการนอนไม่หลับ อ่อนเพลียบ่อย ปวดศีรษะเรื้อรัง หงุดหงิดง่าย หลงลืมง่าย คิดหรือตัดสินสิ่งต่างๆ ได้ช้าลง นั่นอาจเป็นสัญญาณของภาวะสมองล้าหรือ Brain Fog Syndrome ครับ ซึ่งเป็นภาวะเครียดโดยไม่รู้ตัวจากการที่สมองถูกใช้งานอย่างหนักเป็นระยะเวลานาน ประกอบกับการพักผ่อนน้อย หรืออยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือนานเกินไป สมองจึงเกิดอนุมูลอิสระทำลายเซลล์ประสาทหรือขัดขวางการทำงานของสมอง และหลายครั้งที่ความเครียดสะสมยาวนาน สามารถกระตุ้นโรคต่างๆ ได้ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคสมองเสื่อม โรคซึมเศร้า และโรคมะเร็ง
เช็คภาวะ “ต่อมหมวกไตล้า” จากสัญญาณเหล่านี้
หากคุณมีอาการเหล่านี้อย่างน้อย 5 ข้อ อาจแสดงว่าต่อมหมวกไตเริ่มมีปัญหาแล้วล่ะครับ
• ขี้เกียจตื่นนอนตอนเช้า
• อ่อนเพลีย ไม่มีแรง อยากงีบหลับช่วงกลางวัน
• ง่วงแต่นอนไม่หลับ
• อยากทานแต่ของหวานและของเค็ม
• ปัสสาวะบ่อยผิดปกติ
• ภูมิแพ้กำเริบบ่อยๆ
• ท้องอืด อาหารไม่ย่อย ท้องผูก
• เครียดและซึมเศร้า
• ออกกำลังกายเป็นประจำแต่น้ำหนักไม่ลดลง
• ผิวแห้งและแพ้ง่าย
7 วิธีต้านเครียด เพื่อดูแล เพิ่มพลังสมอง
สำหรับผู้ที่ทำงานหนัก หรือต้องพบเจอกับความเครียดเป็นเวลานาน วันนี้ YOUR Beta Glucan มีวิธีคลายเครียด ดูแลสมองให้มีประสิทธิภาพมาฝากกันครับ
• ใช้เทคโนโลยีในเวลาที่เหมาะสม ไม่นานจนเกินไปและควรหยุดพักบ้างเป็นระยะ เช่น พักสายตาทุก 15 นาทีหลังจากทำงานหน้าคอมพิวเตอร์หรืออยู่หน้าจอโทรศัพท์มือถือ
• นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอวันละ 7 – 8 ชั่วโมง และในเวลาไม่เกินเที่ยงคืน
• คิดบวก มองโลกในแง่ดี มีอารมณ์ขัน
• ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพราะช่วยให้สุขภาพสมองแข็งแรง
• เลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ และไม่ดื่มกาแฟในช่วงเย็นเพราะอาจรบกวนการนอนหลับ
• ผ่อนคลายด้วยอะไรก็ตามที่เราชอบ เช่น เล่นเกม เล่นกับสัตว์เลี้ยง ฟังเพลง พักดูหนัง ทำอาหาร นั่งสมาธิ
• ทานอาหารที่มีประโยชน์ช่วยบำรุงสมองหรือทานอาหารเสริม
สารอาหารบำรุงสมอง
• เบต้ากลูแคน (Beta Glucan) สารอาหารที่มีความพิเศษกว่าการบำรุงร่างกายแบบทั่วๆ ไป แต่จะเป็นการบำรุงความแข็งแรงให้เม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้เม็ดเลือดขาวทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อระบบภูมิคุ้มกันของเราแข็งแรง ร่างกายก็จะสามารถปกป้องเราจากโรคภัยไข้เจ็บ ไม่ว่าจะเป็นความเครียดจากการทำงานที่ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันต่ำและเป็นไมเกรน อาการเหล่านี้ เบต้ากลูแคนสามารถช่วยจัดการอย่างได้ผล เพราะเบต้ากลูแคนจะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้เข้มแข็ง และทำให้ร่างกายของเราหายเหนื่อยล้า ส่งผลให้ความเครียดลดลง ลดอาการปวดหัว
• น้ำมันปลา (Fish Oil) มีมากในปลาชนิดต่าง ๆ เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาแมคเคอเรล ประกอบด้วย กรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิดโอเมก้า 3 ได้แก่ ดีเอชเอ (DHA) ช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมและช่วยระบบการมองเห็นของจอประสาทตา นอกจากนั้นยังมี อีพีเอ (EPA) ช่วยลดการอักเสบซ่อนเร้นที่อาจเกิดจากความเครียดและช่วยให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น
• สารสกัดจากใบแปะก๊วย (Ginkgo Biloba Extract) มีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันความเสื่อมของสมองด้วยการลดอนุมูลอิสระและเพิ่มการไหลเวียนเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง ป้องกันภาวะเลือดไปเลี้ยงสมองไม่ทัน เพิ่มความแข็งแรงและยืดหยุ่นแก่ผนังหลอดเลือดสมอง
• สารสกัดจากโสม (Ginseng Extract) พืชสมุนไพรที่ มีสารประกอบที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายชนิด ช่วยต้านความเครียด ช่วยฟื้นฟูและเพิ่มสมรรถภาพการทำงานของร่างกาย เพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายและช่วยชะลอความแก่
• วิตามิน A,C,E และ B Complex ช่วยต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มพลังให้สมองทำงานได้อย่างเต็มที่และเสริมการทำงานของวิตามินอื่นๆ ในร่างกาย
ในยุคที่มีแต่เรื่องเครียดแบบนี้ YOUR Beta Glucan เข้าใจทุกคนว่า การรับมือกับความเครียดในแต่ละวันไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้น หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงเรื่องเครียดได้ ควรพยายามหาสาเหตุให้เจอ และแก้ปัญหาในสิ่งที่สามารถแก้ได้ก่อนและไม่นำปัญหาหลายอย่างมาครุ่นคิดรวมกันจนเครียดมากกว่าเดิมครับ ที่สำคัญ ควรพยายามปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตตามที่แนะนำข้างต้นเพื่อหลีกเลี่ยงความเครียดเรื้อรังด้วยนะครับ