พูดถึงโรคนิ่วหลายคนอาจจะมองว่าไกลตัว แต่กลับเป็นโรคที่มีผู้ป่วยในแต่ละปีไม่น้อยเลย แต่หลายคนกลับไม่ค่อยรู้จักและไม่ค่อยตระหนักถึงโรคนี้สักเท่าไหร่ พามารู้จักโรคนี้ให้ดีขึ้นและมารู้จักวิธีป้องกัน รวมไปถึงอาหารที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงด้วยการเพิ่มภูมิคุ้มกันครับ
โรคนิ่วในถุงน้ำดีคืออะไร เกิดจากอะไร
“โรคนิ่ว” เกิดจากการตกผลึกของหินปูนหรือแคลเซียม คอเลสเตอรอล และบิลิรูบิน (สารเคมีชนิดหนึ่งที่ให้สีเหลืองออกน้ำตาลเกิดจากการแตกตัวหรือการตายของเซลล์เม็ดเลือดแดงในหลอดเลือด) ที่มีอยู่ในน้ำดี เชื่อว่าเกิดจากการติดเชื้อของทางเดินน้ำดี และความไม่สมดุลของส่วนประกอบคอเลสเตอรอลและบิลิรูบินในน้ำดี การตกผลึกของสารเหล่านี้อาจทำให้เกิดเป็นก้อนนิ่วเพียงก้อนเดียว หรือก้อนเล็ก ๆ ก็ได้
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคนิ่ว ในถุงน้ำดี
1. คนที่มีปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือดสูงทำให้การบีบตัวของถุงน้ำดีลดลง
2. ฮอร์โมนเอสโตรเจนจากการรับประทานยาคุมหรือตั้งครรภ์หลายครั้ง เพราะฮอร์โมนนี้ทำให้ระดับคอเลสเตอรอลในน้ำดีสูงนั่นเอง หมายความว่าผู้หญิงมีความเสี่ยงมากกว่าผู้ชาย
3. การใช้ยาลดไขมันบางชนิด ทำให้คอเลสเตอรอลในน้ำดีสูง
4. ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีระดับไขมันชนิดไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงมาก ๆ
5. การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายละลายไขมันมากจนเกินไป
อาการเมื่อเป็นนิ่วในถุงน้ำดี
อาการของนิ่วในถุงน้ำดีบางรายอาจจะไม่ได้แสดงอาการชัดเจน หรือหากมีอาการให้สังเกต เช่น
– อาการท้องเฟ้อบริเวณเหนือสะดือ เรอ คลื่นไส้ อาเจียน คล้ายอาการของอาหารไม่ย่อย ซึ่งมักเป็นหลังกินอาหารมันมาก
– มีอาการปวดบิดรุนแรงเป็นพัก ๆ ตรงบริเวณใต้ลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงขวา ซึ่งอาจปวดร้าวมาที่ไหล่ขวา หรือบริเวณหลังตรงใต้สะบักขวา
– ปวดนานขึ้นเรื่อย ๆ และมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย บางคนอาจปวดรุนแรงจนเหงื่อออก เป็นลม อาการปวดบางคนอาจมีอาการดีซ่าน (ตาเหลือง) ร่วมด้วย
อาหารที่ลดเสี่ยงนิ่วในถุงน้ำดี
– ลด / เลี่ยงอาหารทุกประเภทที่ส่งผลให้คอเลสเตอรอลสูง รวมไปถึงอาหารที่เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้คอเลสเตอรอลสูง เช่น น้ำตาล คาร์โบไฮเดรต อาหารแปรรูป ซึ่งอาหารเหล่านี้มักมีโซเดียมสูงและเต็มไปด้วยไขมันทรานส์ ซึ่งส่งผลให้คอเลสเตอรอลในร่างกายสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
– รับประทานอาหารที่ลดคอเลสเตอรอล เช่น สารสกัดจากเบต้ากลูแคน นอกจากจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายสมดุล และกระตุ้นให้การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันมีประสิทธิภาพแล้ว เบต้ากลูแคนยังช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือดและคอเลสเตอรอลได้ดีอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเรื่องการชะลอวัย การสร้างสมดุล และการป้องกันโรคอย่างโรคมะเร็ง และโรคหลอดเลือดหัวใจ