“งานหนักไม่เคยฆ่าใคร” บทพิสูจน์แล้วว่าไม่จริงนะครับ การทำงานหนักเกินไปฆ่าคนได้จริง ๆ แต่เป็นการทำลายเราแบบผ่อนส่งไปเรื่อย ๆ โดยเฉพาะความเครียดสะสมที่เราจะแบกรับจากการทำงานตลอดชีวิต ที่แย่ไปกว่านั้นความเครียดจากการทำงาน ทำให้เราเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งได้มากขึ้น จริงแค่ไหน? และเราจะมีวิธีคลายความเครียดลดความเสี่ยงได้ยังไงบ้าง ชวนดูข้อมูลกันครับ
สาเหตุที่เครียดบ่อยทำให้เสี่ยงมะเร็งมากขึ้นเพราะอะไร?
มีรายงานมากมายบอกว่าการที่หลายคนมีภาวะความเครียดที่ต่อเนื่องและยาวนาน มักจะหันไปพึ่งสารบางอย่างเพื่อลดความเครียด โดยสารพวกนั้นสามารถทำให้เกิดมะเร็งได้ เช่น การสูบบุหรี่ เนื่องจากในบุหรี่มีสารก่อมะเร็งหลายชนิด นอกจากนี้พบว่าความเครียดส่งผลต่อการทำงานของภูมิคุ้มกัน ซึ่งภูมิคุ้มกันมีความสามารถให้การกำจัดสารที่ก่อมะเร็ง ซึ่งทำให้เรามีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งได้มากขึ้นนั่นเองครับ
ความเครียดเกิดจากอะไร?
ความเครียดทางกายภาพคือการหดตัวของกล้ามเนื้อส่วนใดส่วนหนึ่งหรือหลายส่วนของร่างกาย เช่น การทรงตัว การเคลื่อนไหวทั่วไป ทุกครั้งหากเรามีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์บางอย่างกะทันหัน ไม่ได้ตั้งรับ การต้องเผชิญกับปัญหาเฉพาะหน้า กล้ามเนื้อบางส่วนจึงมีการหดตัวฉับพลัน เป็นการกระตุ้นให้เกิดการปรับตัว และหากไม่สามารถทำได้ก็จะเกิดความเครียด แต่ส่วนมากความเครียดมักเกิดจากอารมณ์ที่ไม่สามารถรับมือได้ ไม่ได้คาดการณ์ล่วงหน้า หรือการคิดเรื่องเดิมซ้ำ ๆ แก้ปัญหาไม่ตก
ผลกระทบของความเครียดมีอะไรบ้าง?
ทางกาย: ปวดหัว ปวดกระบอกตา หายใจเร็ว มีอาการไมเกรนร่วมด้วย ทานยาแก้ปวดก็จะสามารถหายเองได้
ทางใจ: เกิดความวิตก ไม่มั่นใจ ไม่กล้าเผชิญกับปัญหา และมีความเชื่อมั่นใจตัวเองต่ำลงได้ ส่งผลให้คนรอบข้างมองไม่ดี เนื่องจากคนที่มีภาวะความเครียดตลอดจะทำให้บุคลิกภาพไม่ดี เพราะพะวงจากความไม่มั่นใจของตัวเองอยู่ตลอด
เราจะลดความเครียดเพื่อป้องกันไม่ให้เสี่ยงมะเร็งได้ยังไงบ้าง?
– การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอช่วยลดอาการเครียดสะสมได้ เนื่องจากเมื่อเราออกกำลังกายฮอร์โมนเอ็นโดนฟีนและโดปามีนของเราจะหลั่ง ซึ่งจะช่วยให้เราผ่อนคลาย และลดความเครียดได้ ทั้งยังช่วยให้อาการข้างเคียงจากความเครียดลดลงด้วย เช่น การนอนไม่หลับ เป็นต้น
– รับประทานสารสกัดจากเบต้ากลูแคน จากที่กล่าวไปข้างต้นเมื่อเราเครียดบ่อย ๆ จะทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำก็อาจจะทำให้เกิดความเสี่ยงมะเร็งได้ ซึ่งเบต้ากลูแคนเป็นสารสกัดที่ได้รับการยอมรับว่าช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้อย่างมีประสิทธิภาพที่วงการวิทยาศาสตร์รู้จักในตอนนี้ นอกจากนี้เบต้ากลูแคนยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจะช่วยให้ผ่อนคลาย ลดความเครียด ช่วยให้ร่างกายในภาพรวมแข็งแรงขึ้นครับ
– มี work life balance คือแบ่งเวลางานและเวลาส่วนตัวชัดเจน พยายามบริหารจัดการงานให้เสร็จภายในเวลางาน เพื่อจะได้ไม่ต้องทำงานล่วงเวลา หรือเอางานกลับมาทำที่บ้าน และได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
– นอนให้พอ หาเวลาในการนอนของตัวเองให้ได้ บางคนอาจจะ 8-10 ชั่วโมง หรือ 6-7 ชั่วโมง ตื่นมาจะได้พร้อมใช้ชีวิต และทำกิจกรรมในแต่ละวันได้อย่างเต็มที่ กระปรี้กระเปร่า ไม่ง่วงซึม ไม่ต้องพยายามตื่น
– ทานอาหารที่มีวิตามันมินซีและดีสูง เนื่องจากวิตามินซีจะทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า กระตุ้นให้ตื่นตัว และป้องกันไข้หวัดได้ด้วย ส่วนวิตามินดีช่วยในเรื่องของซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในแต่ละวันได้ด้วย
ใครที่ทำงานหนักและมีความเครียดสะสม ต้องเริ่มปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตได้แล้วนะครับ ไม่อย่างนั้นอาจจะมีความเสี่ยงเป็นโรคร้ายที่ร้ายเราก็ไม่อยากเป็น หันมาใส่ใจสุขภาพให้มากขึ้น ทำงานหนักแต่ไม่ได้ใช้ชีวิตเลย ไม่ดีแน่ ๆ ครับ