ในช่วงวัยที่กำลังเจริญเติบโต เด็กต้องการสารอาหารที่มีคุณค่าตามโภชนาการเพื่อส่งเสริมพัฒนาทั้งทางร่างกายและจิตใจ หนึ่งในสารอาหารที่สำคัญและไม่ควรมองข้าม คือ น้ำมันปลา ซึ่งอุดมไปด้วย กรดไขมันโอเมก้า-3 โดยเฉพาะ กรด EPA (Eicosapentaenoic Acid) และ DHA (Docosahexaenoic Acid) ที่มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างการเจริญเติบโตและการพัฒนาของเด็ก โดยเฉพาะในด้านสมองและการพัฒนาการของระบบประสาท
น้ำมันปลาคืออะไร?
น้ำมันปลาเป็นน้ำมันที่สกัดจากปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาซาร์ดีน ปลาทูน่า ฯลฯ น้ำมันปลามีกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกายที่ร่างกายไม่สามารถสร้างได้เอง หรือที่เรียกว่า กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน โดยเฉพาะ กรด DHA และ EPA ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนสุขภาพหลายด้าน
ประโยชน์ของน้ำมันปลาต่อการเจริญเติบโตของเด็ก
สนับสนุนการพัฒนาสมองและการเรียนรู้
น้ำมันปลามี DHA ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในสมองและระบบประสาทตา ช่วยเสริมการพัฒนาสมองของเด็กในช่วงแรกเกิดถึงช่วงวัยรุ่น โดยการรับประทานน้ำมันปลาที่มี DHA จะช่วยพัฒนาความสามารถในการเรียนรู้และการจำ
เสริมสร้างระบบประสาท
DHA และ EPA ในน้ำมันปลามีบทบาทสำคัญในการสร้างเซลล์ประสาทและเสริมสร้างการเชื่อมโยงของเซลล์ในสมอง ซึ่งสำคัญมากในการพัฒนาความสามารถด้านการคิด การแก้ปัญหา และการตัดสินใจ
ส่งเสริมการเจริญเติบโตทางร่างกาย
การรับประทานน้ำมันปลาสามารถช่วยให้เด็กเติบโตสมวัย ตามพัฒนา ความแข็งแรงทั้งร่างกายและสติปัญญา โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาของกระดูกและกล้ามเนื้อ ซึ่งกรดไขมันโอเมก้า-3 มีผลในการลดการอักเสบในร่างกาย ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคข้ออักเสบในอนาคตได้ด้วย
เสริมภูมิคุ้มกันและป้องกันโรค
น้ำมันปลาช่วยเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยให้เด็กมีความสามารถในการต้านทานเชื้อโรคและลดโอกาสในการเจ็บป่วยจากโรคต่าง ๆ เช่น ไข้หวัด หรือการติดเชื้อในทางเดินหายใจ
ส่งเสริมการทำงานของหัวใจ
สาร EPA และ DHA มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจในอนาคต เพราะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดและลดการเกิดการอุดตันในหลอดเลือด นอกจากนี้ยังช่วยลดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งสามารถป้องกันการเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ ได้
วิธีให้เด็กทานน้ำมันปลาอย่างเหมาะสม
1. เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ
ควรเลือกน้ำมันปลาที่มีการกรองและทำให้บริสุทธิ์จากสารพิษ เช่น สารปรอทและสารตกค้างอื่น ๆ เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์
2. ให้ตามปริมาณที่แนะนำ
เด็กแต่ละวัยมีปริมาณการบริโภคที่แตกต่างกัน ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หรือคำแนะนำจากผู้ผลิต เพื่อให้ได้รับปริมาณที่เหมาะสม
3. ทานร่วมกับอาหารอื่น ๆ
น้ำมันปลามีรสชาติที่อาจไม่ถูกปากเด็ก ๆ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่อาจลองผสมน้ำมันปลาในอาหารเช่น โยเกิร์ตหรือข้าวต้ม เพื่อให้ลูกทานได้ง่ายขึ้น
4. น้ำมันปลาในรูปแบบแคปซูล
สำหรับเด็กที่สามารถทานแคปซูลได้แล้ว สามารถเลือกน้ำมันปลาในรูปแบบแคปซูลขนาดเล็กที่ไม่มีรสชาติ สามารถกลืนได้ ซึ่งอาจทำให้การรับประทานง่ายขึ้น
5. น้ำมันปลาที่ผสมในสารสกัดอื่น ๆ
เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน พ่อแม่สามารถเลือกสารสกัดน้ำมันปลาที่ผสมในสารอาหารอื่น ๆ ได้ตามความเหมาะสม เช่น น้ำมันปลากับสารสกัดจากเอลเดอร์เบอร์รีหรืออะเซโรลา เชอร์รี ที่จะมีรสเปรี้ยวหวานทำให้ลูกรับประทานได้ง่ายขึ้น ทั้งยังช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันได้ด้วย
น้ำมันปลาเป็นแหล่งของกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่สำคัญสำหรับการพัฒนาของเด็ก โดยเฉพาะในด้านสมอง ระบบประสาท การเจริญเติบโต และการเสริมภูมิคุ้มกัน การให้เด็กทานน้ำมันปลาจะช่วยให้พวกเขามีการพัฒนาที่สมบูรณ์และเติบโตได้อย่างแข็งแรง อย่างไรก็ตามควรให้ทานพร้อมกับอาหารที่มีประโยชน์ การส่งเสริมให้ลูกทำกิจกรรมต่าง ๆ อย่างเหมาะสม หลีกเลี่ยงการทานอาหารฟาสต์ฟู้ด และให้ความอบอุ่นและใส่ใจลูก เพื่อการพัฒนาอย่างรอบด้านนะครับ
พ่อแม่ท่านใดต้องการปรึกษาเรื่องสารสกัดที่จำเป็นต่อสุขภาพลูก สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง Inbox m.me/yourofficialthailand หรือ Line : @Yourthailand

