ใครหลงใหลและชอบดื่มกาแฟบ้างครับ? เชื่อว่าหลาย ๆ คนชื่นชอบการดื่มกาแฟโดยเฉพาะพนักงานออฟฟิศหรือนักศึกษาที่ต้องการความตื่นตัวในการทำงานหรือการเรียน แต่รู้ไหมครับว่านอกจากกาแฟจะช่วยเรื่องความตื่นตัวแล้ว กาแฟยังดีต่อสุขภาพในด้านอื่น ๆ อีกมากมาย แต่จะดื่มอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ แถมยังช่วยบำรุงหลอดเลือดและหัวใจได้ด้วย วันนี้จะมาแนะนำกันครับ
กาแฟดื่มกาแฟดำในปริมาณที่เหมาะสมดีต่อหัวใจ
สมาคมโรคหัวใจแห่งอเมริกา (American Heart Association) ได้ศึกษาความเชื่อมโยงของการบริโภคกาแฟและความเสี่ยงในการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว พบว่ายิ่งดื่มกาแฟมากเท่าไหร่ ความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวยิ่งลดลง ทั้งยังพบว่าผู้ที่ดื่มกาแฟมีโอกาสเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวน้อยลง 5 – 12% ต่อแก้ว เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ดื่มกาแฟเลย และสำหรับผู้ที่ดื่มกาแฟ 2 แก้วขึ้นไปจะมีความเสี่ยงลดลง 30% โดยข้อมูลนี้เฉพาะกาแฟดำที่ไม่ผสมน้ำตาลเท่านั้น ที่สำคัญไม่รวมไปถึงคาเฟอีนที่อยู่ในเครื่องดื่มชูกำลัง ชา น้ำอัดลม ฯลฯ
ดื่มกาแฟดำตอนไหนดีต่อสุขภาพมากที่สุด
ควรดื่มกาแฟดำตอนเช้าหลังรับประทานอาหารเช้าจะดีที่สุด และหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟดำตอนท้องว่าง หรือหลังบ่ายสอง เพื่อเลี่ยงการนอนไม่หลับ และไม่ควรดื่มเกินวันละ 4 แก้วเพราะร่างกายอาจจะได้รับคาเฟอีนมากจนเกินไป ซึ่งอาจจะทำให้หัวใจเต้นเร็วต่อเนื่องได้
กาแฟดำมีแคลอรีต่ำ แถมช่วยควบคุมคอเลสเตอรอล
ในกาแฟดำมีส่วนผสมแค่กาแฟและน้ำ ไม่ได้มีส่วนผสมอื่นเพิ่ม อย่าง นม ครีมเทียม หรือน้ำตาล ทำให้ปริมาณแคลอรีที่ได้เพียง 2 – 5 กิโลแคลอรีเท่านั้น ซึ่งให้พลังงานที่ต่ำมาก เหมาะจะเป็นทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก ทั้งยังช่วยควบคุมคอเลสเตอรอล รวมไปถึงเพิ่มภูมิคุ้มกัน และมีสารต้านอนุมูลอิสระมากมายอีกด้วย
กาแฟดำช่วยให้ผ่อนคลาย
กลิ่นหอมของกาแฟมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีรสชาติที่โดดเด่นติดลิ้น หากใครที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟ กลิ่นและรสชาติของกาแฟจะช่วยกระตุ้นฮอร์โมนเซโรโทนิน และโดพามีนหรือฮอร์โมนแห่งความสุขได้ ช่วยลดความเครียดสะสม และบรรเทาอาการเหนื่อยล้าได้ด้วย
ใครที่อยากเปลี่ยนมาดื่มกาแฟดำ แนะนำค่อย ๆ ลดส่วนผสมในกาแฟลงครับ ในช่วงแรกอาจจะเลือกเมล็ดกาแฟแบบคั่วอ่อนจะช่วยให้การดื่มกาแฟดำง่ายขึ้น เนื่องจากมีรสขมน้อยกว่าเมล็ดคั่วเข้ม หรือสำหรับใครที่ดื่มเมล็ดกาแฟแบบสำเร็จรูปอาจจะผสมน้ำเยอะหน่อยในช่วงแรก จะทำให้ดื่มง่ายยิ่งขึ้นครับ นอกจากนี้อย่าลืมรับประทานสารสกัดจาก “ฮอร์ธอร์น” เพื่อช่วยดูแลการทำงานของหัวใจเพิ่มเติม ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี สร้างความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อหลอดเลือดและหัวใจ รวมไปถึงป้องกันภาวะหัวใจวายเฉียบพลันได้ด้วย