จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกเป็นภูมิแพ้ วิธีสังเกตและการดูแล

ภูมิแพ้

การเป็นพ่อแม่ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะเมื่อเราต้องคอยระวังสุขภาพของลูกน้อย ภูมิแพ้เป็นปัญหาหนึ่งที่พบได้บ่อยในเด็ก แต่บางครั้งอาจสังเกตได้ยากว่าเด็กเป็นภูมิแพ้หรือไม่ เพราะภูมิแพ้เกิดได้หลายที่ ทั้งผิวหนัง เยื่อบุจมูก เยื่อบุตา เยื่อบุทางเดินหายใจ หรือเยื่อบุทางเดินอาหาร ซึ่งวิธีสังเกตอาการภูมิแพ้ในเด็กต้องอาศัยการดูแลอย่างใกล้ชิด และใส่ใจมากเป็นพิเศษ มาดูวิธีสังเกตเพื่อดูแลลูก ๆ กันครับ

 

ปัจจัยที่ลูกจะเป็นภูมิแพ้มาจากอะไรบ้าง?

ปัจจัยการเป็นภูมิแพ้ในเด็กมีอยู่ 2 ปัจจัยใหญ่ ที่พ่อแม่สามารถป้องกันได้

– พันธุกรรม ผู้ป่วยที่มีประวัติพ่อหรือแม่เป็นโรคภูมิแพ้ มักมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคภูมิแพ้ถึงร้อยละ 20-40 และร้อยละ 50-80 ในกรณีที่พ่อและแม่เป็นโรคภูมิแพ้ โดยที่อาจจะไม่ได้เป็นภูมิแพ้ชนิดเดียวกันหรือแพ้สารก่อภูมิแพ้ชนิดเดียวกัน ก็ตาม ซึ่งปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่สามารถตรวจหาสารพันธุกรรมเหล่านี้ได้ตั้งแต่คุณแม่ตั้งท้อง ซึ่งจะทำให้พ่อแม่สามารถวางแผนการดูแลลูกได้ตั้งแต่ก่อนคลอด ซึ่งปัจจัยนี้นับเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เด็กหลายคนเป็นภูมิแพ้ตั้งแต่กำเนิด

– ปัจจัยทางด้านสิ่งแวดล้อม ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ร้อยละ 15 ไม่ได้มีพ่อหรือแม่ที่เป็นโรคภูมิแพ้ แต่เกิดจากการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีสารก่อภูมิแพ้อยู่เป็นจำนวนมาก อย่างไรฝุ่น การเลี้ยงสัตว์ที่มีขนในบ้าน เช่น สุนัข แมว หรือสัตว์ที่เป็นที่บ่งบอกสุขลักษณะที่อยู่อาศัยไม่พึ่งประสงค์อย่าง แมลงสาบ ตลอดจนสูดดมฝุ่นควันพิษ เช่น ควันจากท่อไอเสียรถยนต์ ควันจากโรงงานอุตสาหกรรม ควันบุหรี่ หรือการไม่ได้รับสารอาหารที่เหมาะสมตั้งแต่เด็ก เช่น การไม่ได้ดื่มนมแม่หลังคลอดอย่างเพียงพอ แต่ดื่มนมสัตว์หรือนมจากพืชแทน ซึ่งทำให้อาจจะได้รับมีภูมิคุ้มกันไม่เพียงพอนั่นเอง

 

วิธีสังเกตว่าลูกเป็นภูมิแพ้ประเภทต่าง ๆ

1. โรคหืด

อาการ: แน่นหน้าอก หายใจแรง ในขณะออกกำลัง หรือตอนลูกเป็นหวัด อาจเกิดอาการในตอนกลางคืน

สาเหตุ: ทางเดินหายใจบวม ตีบแคบลง ซึ่งถูกกระตุ้นโดยปฏิกิริยาภูมิแพ้หรือสาเหตุอื่น ๆ ร่วมด้วย จะมีอาการหายใจเสียงดัง “วี้ด” หายใจถี่เหมือนคนออกกำลังกายหนัก

2. โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง

อาการ: มีผื่น คัน จนผิวหนังแดง

สาเหตุ: เมื่อมีสิ่งกระตุ้น เช่น ร้อนเหงื่อออก โดยจะพบในเด็กเล็กและมีอาการมาก

3. โรคเยื่อบุจมูกอักเสบภูมิแพ้

อาการ: จาม คัน คัดจมูก มีน้ำมูกใส เป็นเรื้อรังหลายสัปดาห์ ในช่วงฤดูฝน ช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง หรือการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ชั่วคราว เช่น ไปเที่ยวต่างจังหวัด อาจจะมีอาการแสบตา คันตา น้ำตาไหล ขยี้ตาบ่อย จนขอบตาช้ำ สีคล้ำร่วมด้วย

สาเหตุ: เจอสิ่งเร้ามากระตุ้นการหายใจ อาจจะเป็นเกสรดอกไม้ ฝุ่น ที่ทำให้เยื่อบุจมูกอักเสบขึ้นมาได้

4. ผื่นลมพิษ

อาการ: คัน บวมตามบริเวณผิวหนัง อาจจะเป็นผื่นบวมด้วย

สาเหตุ: ติดเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรียบางชนิด ที่เด็กอาจจะไปสัมผัส หรือการแพ้ยาแพ้อาหารบางชนิดก็มีส่วนทำให้เกิดผื่นแพ้ขึ้นได้เหมือนกัน

5. แพ้อาหาร

อาการ: ปวดท้อง อาเจียน ท้องเสีย ถ่ายมีมูกปนเลือด หรือมีอาการทางผิวหนัง มีผื่นขึ้น ลมพิษ อาจจะรุนแรงถึงขั้นระบบทางเดินหายใจขัดข้อง

สาเหตุ: เกิดปฏิกิริยาแพ้โปรตีนในอาหาร อาทิ นมวัว นมถั่วเหลือง ไข่ และแป้งสาลี เป็นต้น และอาการแสดงมักจะเริ่มต้นในขวบปีแรกและมีอาการเรื้อรัง เป็น ๆ หาย ๆ หรืออาหารทะเลบางชนิดก็สามารถแสดงอาการได้เช่นกัน

 

นอกจากการสังเกตจากพ่อแม่แล้ว ปัจจุบันยังสามารถทดสอบภูมิแพ้ได้ด้วยการตรวจเลือด การทดสอบทางจมูก (ในกรณีที่ผู้ป่วยเป็นโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้) หรือการทดสอบทางผิวหนัง เพราะทำได้ง่าย รวดเร็ว ให้ผลทันที เมื่อได้ทำการทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังแล้วพบปฏิกิริยาในการแพ้สารใดแล้ว จะสามารถหลีกเลี่ยงได้โดยตรง อีกทั้งยังส่งผลให้การรักษาโรคดีขึ้น และทำให้ควบคุมโรคภูมิแพ้ดีมากขึ้นด้วย

 

ที่สำคัญการดูแลลูกด้วยการให้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย นอนอย่างเพียงพอ รวมไปถึงการได้รับสารสกัดที่เหมาะสมต่อการพัฒนาการและกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายก็จำเป็น อย่างสารสกัดเบต้ากลูแคนที่ช่วยให้ภูมิคุ้มกันลูกแข็งแรงขึ้น ป้องกันการป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือสารสกัดจากกาแลกโต โอลิโกแซ็กคาไรด์ (GOS) ที่ช่วยดูแลเรื่องการขับถ่ายให้เป็นระบบ ช่วยให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายลูกแข็งแรงขึ้น หากสนใจสารสกัดที่จำเป็นต่อเด็ก สามารถติดต่อทีม YOUR เพื่อปรึกษาปัญหาสุขภาพ ได้ฟรีทาง Inbox m.me/yourofficialthailand หรือ Line : @Yourthailand

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

TOP