หลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็อาจจะทำให้หลายคนเป็นกังวลกับโรคติดต่อเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะโรคฝีดาษลิง หรือ Monkeypox Virus (MPXV) ซึ่งเริ่มมีรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นในปีที่ผ่านมา วันนี้ชวนมาทำความรู้จักกับโรคนี้ เพื่อลดความเข้าใจผิด รวมไปถึงวิธีป้องกันอย่างถูกต้องกันดีกว่าครับ
โรคฝีดาษลิงคืออะไร ความน่าเป็นกังวลคืออะไรบ้าง?
โรคนี้เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งในลิงซึ่งถูกพบในปี ค.ศ.1958 ครั้งนั้นนักวิทยาศาสตร์พบว่ามีการระบาดเกิดขึ้นในลิงที่ใช้เป็นสัตว์ทดลอง โดยผู้ป่วยรายแรกค้นพบเมื่อ ค.ศ.1970 เป็นเด็กผู้ชายอายุ 9 ขวบ จากประเทศคองโก ซึ่งทำให้โรคนี้แพร่ระบาดในแถมแอฟริกา จนแพร่กระจายมาในโซนยุโรปและอเมริกา รวมถึงเอเชียด้วย แต่ไวรัสของโรคนี้นับว่ามีการกลายพันธุ์น้อยมาก ถ้าเทียบกับโคโรนาไวรัส จึงทำให้การแพร่ระบาดเป็นไปได้ช้าและไม่กระจายเป็นวงกว้างอย่างที่หลายคนกังวลว่าจะซ้ำรอยกับโควิด-19
โรคฝีดาษลิงติดต่อกันง่ายหรือไม่?
โดยปกติแล้วโรคนี้จะเกิดจากการสัมผัสที่ใกล้ชิดมาก ๆ เช่น การมีเพศสัมพันธ์ การอยู่ใกล้ชิดและมีกิจกรรมร่วมกัน ภายในพื้นที่อาศัยที่คับแคบ อย่างห้องเช่า อพาร์ตเมนต์ หรือคอนโด เพราะมีการสัมผัสกัน การใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ร่วมกัน รวมไปถึงเสื้อผ้าและที่นอนด้วย แต่โอกาสที่จะติดต่อผ่านการหายใจยังน้อยมาก และตัวเชื้อไม่ได้แพร่ได้ไกล
โรคฝีดาษลิงใช้เวลาฟักตัวนานเท่าไหร่ และจะรู้ได้อย่างไรว่าติดเชื้อนี้?
โรคฝีดาษลิงใช้เวลาในการฟักเชื้อประมาณ 5 – 21 วัน ซึ่งถือว่านานพอสมควร และอาการจะค่อนข้างคล้ายการป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ ซึ่งระยะเวลาเท่านี้ความน่าเป็นกังวลคือการแพร่เชื้อ อาการที่เด่นชัดของโรคนี้นอกจากจะมีอาการไข้สูงแล้ว อาจจะพบตุ่มใสขึ้นต่างร่างกาย คล้ายอีสุกอีใส แต่จะต่างตรงที่อาจจะมีอาการต่อน้ำเหลืองโตร่วมด้วย ซึ่งผู้ป่วยควรไปพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ จะดีกว่าครับ
โรคฝีดาษลิงมีอันตรายถึงชีวิตหรือไม่?
อัตราคนเสียชีวิตจากโรคนี้ถือว่าน้อยมาก ๆ เมื่อเทียบกับโควิด-19 เพราะเมื่อตรวจพบก็สามารถรักษาให้หายขาดได้ อีกทั้งวัคซีนฝีดาษคนที่เคยฉีดเมื่อสมัยเด็ก ๆ ก็สามารถป้องกันฝีดาษลิงได้ แต่กับคนที่อายุมากอาจจะต้องมีการไปฉีดกระตุ้นซ้ำ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพดีขึ้น
ป้องกันโรคฝีดาษลิงด้วยการเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย
สิ่งสำคัญในการรับมือกับโรคระบาดคือการเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ เพราะโรคนี้นอกจากจะติดจากการสัมผัสใกล้ชิดแล้ว ส่วนหนึ่งก็คือระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายอ่อนแอลง ทำให้ตัวไวรัสสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย นอกจากจะต้องเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ป่วย ล้างมืออย่างสม่ำเสมอ และเลี่ยงอยู่ใกล้ผู้ป่วยแล้ว การดูแลตัวเองด้วยการทำให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรงเสมอก็สำคัญไม่แพ้กันเลยนะครับ ฉะนั้นการกระตุ้นภูมิคุ้มกันด้วยการรับประทานสารสกัด “เบต้ากลูแคน” ถือเป็นอีกทางเลือกที่ทั้งปลอดภัยและสะดวกในยุคนี้ ทั้งยังมีประสิทธิภาพสูงที่วงการวิทยาศาสตร์ยอมรับอีกด้วย ใครที่สนใจสามารถติดต่อปรึกษา YOUR ได้ผ่านช่องทาง Inbox m.me/yourofficialthailand หรือ Line : @Yourthailand เรามีข้อมูลที่พร้อมจะมาดูแลทุกคนที่อยากใส่ใจสุขภาพครบถ้วนครับ