ลูกยิ่งโตพ่อแม่ยิ่งมีความเป็นห่วงและเป็นกังวล จนอาจจะเกิดเป็นความคาดหวังในสายตาของลูก ๆ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหลายอย่างจากภายนอกที่ทำให้เด็กในยุคนี้มีแรงกดดันมากขึ้น ทั้งการแข่งขันสูง ไม่ใช่แค่เรื่องการเรียน แต่หมายถึงการใช้ชีวิตในสังคมด้วย ซึ่งอาจจะทำให้ความตั้งใจของลูกบั่นทอนได้ พ่อแม่จึงต้องเข้าใจและช่วยส่งเสริมให้ลูกอย่างถูกวิธี
1. “เข้าใจลูก” ด้วยการกระทำ
การเข้าใจลูกอย่างเป็นรูปธรรม คือ การแสดงให้ลูกเห็นว่าเราเข้าใจชีวิตของเขา ไม่ต่างจากตัวเองตอนเป็นเด็ก ความต้องการของวัยเด็กจะถูกเติมเต็มได้ดีด้วยการที่พ่อแม่หมั่นแสดงความรักให้เขาได้รับรู้ ไม่ว่าจะเป็นคำพูดที่เหมาะสม การสัมผัส เช่น กอด ลูบหัว หรือหอมแก้ม ลูกจะสามารถรับรู้ได้และรู้สึกคลายความกังวล และได้รับพลังใจจากผู้ที่เขาสามารถวางใจได้
2. “สร้างกำลังใจ” ด้วยคำพูดที่ลูกอยากได้ยิน
คำพูดมีส่วนสำคัญอย่างมากสำหรับเด็ก พ่อแม่หลายคนละเลยเรื่องการใช้คำพูดกับลูกจนอาจจะเกิดเป็นบาดแผลในใจที่ติดตัวไปจนโต เพราะพ่อแม่คือผู้มีอิทธิพลต่อลูกมาก ๆ ทุกคำพูดจึงสามารถสร้างผลกระทบที่ยิ่งใหญ่จนโตเลยก็ได้ ทางที่ดี พ่อแม่ควรระมัดระวังคำพูด บางทีพ่อแม่มักคิดเอาเองว่าคำพูดไม่ได้แรง แต่ทัศนคติแบบนี้มักจะสร้างผลกระทบกับลูก เช่น ถ้าไม่ตั้งใจเรียนโตไปจะลำบาก, ทำให้มันดี ๆ หน่อย, หรือกระทั่งภาษากายอย่างถอนหายใจ คำพูดเหล่านี้นอกจากนี้ลูกจะกดดันแล้ว พวกเขายังรู้สึกผิด ความตั้งใจและความพยายามที่ทำอาจจะรู้สึกสูญเปล่าไปเลย
3. ลด “ความกดดัน” ด้วยการสื่อสาร
ปัจจัยหลายอย่างที่กล่าวไปข้างต้นทำให้เด็กหลายคนกดดันโดยไม่รู้ตัว และหลายครั้งเด็กก็เข้าใจว่าพ่อแม่ก็กดดันตัวเองด้วย ซึ่งบางครั้งการสื่อสารก็เป็นปัญหาใหญ่ บางบ้านไม่ได้พูดคุยกันทุกเรื่องพ่อแม่อาจจะต้องเปิดใจถามก่อนที่จะรอให้ลูกเล่า หรือต้องสร้างบรรยากาศภายในบ้านไม่ให้ลูกเกิดความรู้สึกแบบนั้น เช่น การลดชั่วโมงเรียนพิเศษ ลดชั่วโมงการไปเรียนเสริม แต่พาลูกไปท่องเที่ยวเพื่อเรียนรู้ประสบการณ์อื่น ๆ แทน ลูกจะเข้าใจได้เองว่าพ่อแม่ไม่ได้อยากกดดัน นี่จะเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้เด็กตั้งใจโดยไม่รู้สึกกดดัน
4. ส่งเสริม “สารอาหาร” ที่เหมาะสม
นอกจากปัจจัยในการเลี้ยงดูอย่างเหมาะสมของพ่อแม่แล้ว การส่งเสริมด้านการรับประทานอาหารก็มีส่วนสำคัญไม่แพ้กัน เพราะเด็กยังต้องการสารอาหารที่เหมาะสมกับพัฒนาการตามวัย สำหรับเด็กในวัยเรียนสิ่งที่พวกเขาจดจ่อมากที่สุดคือเรื่องการเข้าใจในบทเรียน สมาธิที่จดจ่อ ความตั้งใจที่จะทำให้ได้ พ่อแม่ควรเสริมสารสกัดอย่างสารสกัดจากข้าวบาเล่ย์ญี่ปุ่น หรือ GABA ซึ่งช่วยเรื่องสมาธิให้สามารถจดจ่อกับการเรียนได้ดี ทั้งยังมีสารที่ช่วยให้ผ่อนคลาย สามารถให้ลูกนอนหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการนอนมีผลอย่างมากต่อการเรียนรู้ด้านวิชาการ นอกจากนี้ยังช่วยเรื่องอารมณ์ ให้ลูกมีอารมณ์ที่แจ่มใส พร้อมสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ ได้ในทุกวัน หรือสารสกัดจากน้ำมันปลา ที่มีโอเมก้า 3 ช่วยกระตุ้นการมองเห็น เพราะหากมองเห็นได้ดีจะช่วยให้เด็กเรียนรู้ได้เร็ว กระตุ้นการทำงานของประสาทและสมอง ช่วยเรื่องความจำ และพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของร่างกาย
การเลี้ยงลูกในยุคนี้อาจจะเป็นเรื่องยากเพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่พ่อแม่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่หากพ่อแม่สร้างความตั้งใจดีให้ลูกได้ จะเป็นเสมือนภูมิคุ้มกันให้ลูกสามารถเลือกเส้นทางชีวิตที่เหมาะสมและดีกับตัวเขาเองที่สุด ที่สำคัญการได้เห็นลูกมีสุขภาพกายสุขภาพใจแข็งแรง เชื่อว่าเป็นหนึ่งในสิ่งที่พ่อแม่ทุกคนอยากเห็นมากที่สุดครับ