การเผาไหม้ใกล้ตัว ก็ทำให้เสี่ยงมะเร็งปอดได้ไม่ต่างจากมลพิษ

การเผาไหม้

ช่วงที่ฝุ่น PM2.5 ปกคลุมประเทศไทยในหลายพื้นที่ จนหลายคนกังวลกับความเข้มข้นของปริมาณฝุ่นมากกว่าโรคระบาดเสียอีก เพราะทุกคนทราบอยู่แล้วว่าละอองฝุ่นขนาดเล็กของ PM2.5 นั้นเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยเฉพาะปัญหาระยะยาวที่อาจจะก่อให้เกิดโรคร้ายอย่างมะเร็งปอด ถุงลมโป่งพอง ปอดอักเสบ แต่ที่หลาย ๆ คนยังไม่ทราบคือไม่ใช่แค่ฝุ่น PM2.5 ที่อันตราย แต่การเผาไหม้ทุกชนิดมีความอันตรายทั้งสิ้น

ทำไมการเผาไหม้ถึงอันตราย

การเผาไหม้โดยใช้ไฟ ความร้อน จะมีสารพิษอย่างคาร์บอนมอนนอกไซด์และแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ หากสูดดมนาน ๆ ก็อาจจะทำให้เวียนหัว และหมดสติได้ แต่ที่มากไปกว่านั้นคืออันตรายจากควันผ่านการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ ซึ่งหากมีการเผาไหม้จำนวนมาก ๆ หรือต้องสัมผัสกับการเผาไหม้และควันเป็นประจำ อาจจะทำให้เสี่ยงที่จะเกิดโรคอย่างมะเร็งปอด และโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจได้ การเผาไหม้แบบไหนที่จะทำให้เสี่ยงเป็นโรคเหล่านี้ เช่น

– การสูบบุหรี่ การเผาไหม้ของบุหรี่มีอุณหภูมิสูงประมาณ 700 องศา เป็นการเผาไหม้แบบระอุที่ไม่เกิดเปลวไฟ แต่คนสูบบุหรี่จะสูดความร้อนพร้อมกับปล่อยควัน ซึ่งในควันบุหรี่มีสารพิษมากกว่า 6,000 ชนิด รวมไปถึงนิโคตินที่เป็นสารเสพติดก็จะเข้าสู่ร่างกายไปด้วย การสูบบุหรี่เป็นเวลานานเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งปอดมากกว่าการการสูดฝุ่น PM2.5 หลายเท่า นอกจากนี้ยังมีโรคอื่น ๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ

– การสูดดมควันจากเตาถ่าน หนึ่งในความเสี่ยงที่หลายคนมองข้าม โดยเฉพาะคนที่ต้องประกอบอาหารด้วยเตาประเภทนี้ ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าแม่ค้า แม่ครัวที่ชอบใช้เตาถ่านปรุงอาหาร เพราะคิดว่าประหยัดกว่า แต่สิ่งหนึ่งที่อยากให้ระวัง เพราะการใช้เตาถ่านสร้างฝุ่นควันได้เช่นกัน การสูดดมเป็นเวลานาน และต่อเนื่อง เสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งปอดได้ไม่ต่างจากการสูดดมฝุ่น PM2.5 เลย

– การบริโภคอาหารจากการปิ้งย่าง แม้จะไม่ได้สูดควันโดยตรง แต่ก็มีรายงานมาแล้วว่าการเผาไหม้ของเนื้อสัตว์มีสารก่อมะเร็งอยู่จำนวนมาก ฉะนั้นควรรับประทานแต่พอดี และหากหลีกเลี่ยงได้ก็ควรใช้เตาไฟฟ้าจะดีกว่าครับ

การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันคือเกราะสำคัญในการป้องกันมะเร็งปอด

เครื่องมือสำคัญในการป้องกันโรคมะเร็งปอดอย่างหนึ่ง คือ การที่ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง สามารถยับยั้งและทำลายเซลล์ที่ทำงานผิดปกติได้ ก่อนที่จะกลายพันธุ์ไปเป็นเซลล์มะเร็ง ซึ่งก็คือแนวคิดหนึ่งของการรักษามะเร็งด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดด้วย ซึ่งหนึ่งในการเสริมสร้างให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง คือการรับประทานสารสกัดเบต้ากลูแคน สะดวกและได้ประสิทธิภาพ เพราะเบต้ากลูแคนถือเป็นหนึ่งในสารสกัดที่สามารถกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีที่สุด โดยเฉพาะเบต้ากลูแคนที่สกัดมาจากผนังเซลล์ของยีสต์ Saccharomyces Cerevisiae ชนิด เบต้า 1,3/1,6 D-กลูแคน มีประสิทธิภาพสูงสุดในการเสริมภูมิคุ้มกันที่วงการวิทยาศาสตร์รู้จัก ที่สำคัญเบต้ากลูแคนยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบของเนื้อเยื่อ ช่วยควบคุมคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือดได้อีกด้วย

รู้เช่นนี้แล้ว หวังว่าเพื่อน ๆ จะระมัดระวังในการสูดดมควันจากการเผาไหม้ให้มากขึ้นนะครับ จะได้ลดความเสี่ยงจากการเป็นมะเร็งปอด เพราะลำพังแค่ PM2.5 ที่เราต้องเจอกันอยู่ตลอดก็เพิ่มความเสี่ยงให้ชีวิตพอตัวแล้ว ยิ่งโควิด-19 จะอยู่กับเราตลอดไปยิ่งต้องให้การดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้นครับ

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

TOP