“ลูกสมาธิสั้น” ปัญหาที่แก้ไขได้

ลูกสมาธิสั้น

ปัญหาลูกสมาธิสั้น (ADHD – Attention Deficit Hyperactivity Disorder) เป็นหนึ่งในปัญหาที่พ่อแม่หลายคนกังวลใจ โดยเฉพาะเมื่อเด็ก ๆ มีพฤติกรรมไม่สามารถโฟกัสหรืออยู่นิ่ง ๆ ได้นาน จนกระทั่งส่งผลกระทบต่อการเรียน การเข้าสังคม และการพัฒนาการทางด้านต่าง ๆ ของเด็ก แม้ว่าปัญหานี้อาจจะดูเหมือนแก้ยาก แต่การดูแลและเสริมสร้างสุขภาพสมองให้แข็งแรงสามารถช่วยบรรเทาปัญหานี้ได้

 

ลูกสมาธิสั้นคืออะไร?

อาการที่ทำให้เด็กมีปัญหากับการจดจ่อกับกิจกรรมใด ๆ กิจกรรมหนึ่งเป็นเวลานานไม่ได้ ซึ่งอาจมีอาการแสดงออก เช่น ไม่สามารถฟังคำสั่งได้อย่างครบถ้วน ง่ายต่อการถูกรบกวนจากสิ่งรอบข้าง หรือมีพฤติกรรมเคลื่อนไหวเกินจำเป็นและไม่สามารถควบคุมตัวเอง รวมถึงพ่อแม่และครูที่โรงเรียนก็อาจจะควบคุมไม่ได้ อาการเหล่านี้อาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางเคมีในสมองที่ทำให้เกิดความยากลำบากในการควบคุมสมาธิและพฤติกรรม

 

การแก้ไขปัญหาลูกสมาธิสั้น

แม้ว่าอาการสมาธิสั้นจะเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญ แต่ยังมีวิธีการเสริมสร้างสมาธิและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องที่พ่อแม่สามารถทำได้ที่บ้าน ซึ่งต้องใช้การเอาใจใส่อย่างมาก

1. จัดสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ จัดมุมเรียนหรือเล่นที่เงียบสงบ มีสิ่งรบกวนน้อย เช่น หลีกเลี่ยงการมีทีวี วิทยุ หรือเสียงดังในบริเวณนั้น แต่งห้องโดยใช้สีโทนสว่างนุ่มนวล เช่น สีฟ้าอ่อน หรือสีเขียว เพื่อช่วยให้รู้สึกสงบ และจัดแสงธรรมชาติหรือแสงที่ไม่จ้าจนเกินไป รวมถึงจัดของใช้ที่เป็นระเบียบ เพื่อช่วยลดความสับสนและทำให้หาอุปกรณ์ได้ง่าย

2. สร้างกิจวัตรประจำวันและสร้างบรรยากาศการชื่นชม กำหนดเวลาแน่นอน สร้างตารางกิจกรรมประจำวัน เช่น ตื่นนอน เวลาเรียน เล่น กินอาหาร และเข้านอน ให้เด็กคุ้นเคยและปรับตัวง่ายขึ้น โดยให้มีช่วงพักสั้น ๆ ระหว่างการทำงานหรือการเรียน เพื่อช่วยให้เด็กผ่อนคลายและไม่เบื่อ นอกจากนี้ควรส่งเสริมพฤติกรรมเชิงบวกให้ลูก โดยการให้กำลังใจหรือคำชมเชยเมื่อเด็กทำสิ่งที่ดี เพื่อสร้างความมั่นใจและกระตุ้นพฤติกรรมที่เหมาะสม และให้ลูกรู้สึกถึงความสำเร็จและความภูมิใจ

3. สนับสนุนด้านอารมณ์และสังคม สิ่งสำคัญของการแก้ปัญหาเด็กสมาธิสั้นคือการให้ความรักและความเข้าใจ เพื่อให้เด็กไม่รู้สึกโดดเดี่ยวและมองพ่อแม่เองในแง่ดี ให้ลูกได้เข้าสังคมเพื่อให้เจอเพื่อนที่เข้าใจและมีการสื่อสารเชิงบวก เด็กจะรู้สึกมีคุณค่าในกลุ่มเพื่อน

 

สารอาหารที่ช่วยบำรุงสมองและระบบประสาทช่วยบรรเทาอาการสมาธิสั้นได้อีกทางหนึ่ง

สารสกัดจาก Omega-3 และน้ำมันปลา

เป็นแหล่งสำคัญของกรดไขมันที่จำเป็นสำหรับการบำรุงสมอง โดยเฉพาะกรดไขมัน DHA (Docosahexaenoic acid) และ EPA (Eicosapentaenoic acid) ซึ่งช่วยในการพัฒนาสมองและการทำงานของระบบประสาท โอเมก้า 3 มีบทบาทสำคัญในการปรับสมดุลของสารสื่อประสาทในสมอง ทำให้สามารถช่วยเพิ่มสมาธิและความสามารถในการจดจ่อในเด็กที่มีอาการสมาธิสั้น การรับประทานสารสกัดจากโอเมก้า เช่น น้ำมันปลา สามารถช่วยเพิ่มการทำงานของสมองและทำให้เด็กมีสมาธิมากขึ้นในระยะยาว

– สารสกัดจากข้าวบาเล่ย์ญี่ปุ่น

สารสกัดนี้มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์สมองจากการเสื่อมสภาพและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในสมอง ช่วยให้สมองได้รับสารอาหารที่จำเป็นมากขึ้นในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ การรับประทานสารสกัดจากข้าวบาเล่ย์ญี่ปุ่นจึงเป็นวิธีที่ดีในการเสริมสมาธิและความสามารถในการเรียนรู้ของเด็ก ๆ ที่มีปัญหาสมาธิสั้น รวมไปถึงช่วยให้เด็กผ่อนคลาย สามารถนอนหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะการส่งเสริมให้เด็กได้พักผ่อนอย่างเพียงพอก็ถือเป็นการแก้ปัญหาเรื่องสมาธิสั้นได้อีกทางหนึ่งเช่นกัน

 

การดูแลลูกที่มีสมาธิสั้นนั้นต้องใช้เวลา พ่อแม่ควรให้เวลากับลูกและให้เวลาตัวเอง อาจจะต้องเหนื่อยเพิ่ม และเอาใจใส่อย่างมาก แต่อยากให้พ่อแม่อดทนเพราะโรคนี้สามารถหายได้ และลูกจะมีโอกาสเติบโตได้อย่างแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ รวมถึงพัฒนาการก็จะเหมาะสมได้ตามวัย หรือสามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลเด็กโดยเฉพาะเพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสมได้

 

สำหรับพ่อแม่ที่สนใจผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดเบต้ากลูแคน น้ำมันปลา โอเมก้า 3 และสารสกัดจากข้าวบาเล่ย์ญี่ปุ่น เพื่อส่งเสริมและป้องกันโรคสมาธิสั้นในเด็ก สามารถปรึกษาได้ฟรีทาง Inbox m.me/yourofficialthailand หรือ Line : @Yourthailand

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

TOP