รู้จัก “น้ำมันปลา” มีโอเมก้า 3 เลือกให้เหมาะกับลูกดีที่สุด

น้ำมันปลา

หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อ “น้ำมันตับปลา” ซึ่งจะไม่ใช่ชนิดเดียวกับ “น้ำมันปลา” (Fish oil) เพราะสกัดมาจากคนละส่วนกันนะครับ โดยน้ำมันปลาทะเลมีกรดไขมันหลายชนิด แต่กรดไขมันที่มีมากเป็นพิเศษ คือ กรดไขมันโดโคซาเฮกซาอีโนอิก หรือ DHA ที่เราคุ้นเคยเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นกรดไขมันดีในกลุ่มโอเมก้า 3 ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการสำหรับเด็กได้ดีทีเดียว

DHA สำคัญสำหรับพัฒนาการเด็กอย่างไร?

แม้ร่างกายจะสามารถสร้าง DHA ได้ แต่ก็สร้างได้น้อยถ้าเทียบกับการได้รับจากอาหารอย่างปลาทะเลหรือสารสกัดจากน้ำมันปลา ซึ่งถือว่าเป็นกรดไขมันจำเป็นที่เด็กจะต้องได้รับอย่างเพียงพอ เพราะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างของสมอง รวมไปถึงระบบประสาท การเรียนรู้ และให้จอประสาทตาทำงานได้ดี ช่วยในเรื่องการมองเห็น และกระตุ้นให้ลูกมีสมาธิ สามารถจดจ่อกับการเรียนรู้ และมีสมาธิสามารถจดจำเรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว และหากเด็กได้รับ DHA ที่ไม่เพียงพออาจจะเสี่ยงสมาธิสั้น และไม่สามารถจดจ่อกับสิ่งที่เรียนรู้ได้เท่าที่ควร

EPA สารสำคัญช่วยให้เด็กมีน้ำหนักสมดุล

ในน้ำมันปลายังมีสิ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเด็ก นั่นคือ Eicosapentaenoic Acid เป็นกรดไขมันโอเมก้า 3 เช่นกัน โดยจะช่วยกระตุ้นให้การทำงานคงความสมดุลของไขมันในร่างกาย หากลูกมีน้ำหนักเกินเกณฑ์ EPA ก็จะช่วยควบคุมไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ เพิ่มไขมันดีให้ร่างกายลดไขมันไม่ดีลง หากลูกมีน้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์ก็จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายบริโภคเพิ่มขึ้นเพื่อความสมดุล นอกจากนี้ EPA ยังช่วยต้านการอักเสบของเนื้อเยื่อ ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี เด็กจะรู้สึกกระปรี้กระเปร่าและทำกิจกรรมได้เต็มที่

เด็กควรได้รับ “น้ำมันปลา” เท่าไหร่จึงจะเหมาะสม

น้ำมันปลาเป็นสารสกัดที่สามารถทานร่วมกับสารสกัดอื่น ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายได้ แต่ควรศึกษาเพราะหากได้รับในปริมาณที่เกินกว่าร่างกายต้องการ อาจจะเกิดการแย่งกันดูดซึม ซึ่งจะทำให้ร่างกายไม่ได้รับประโยชน์เท่าที่ควร

– เด็กอายุ 2-3 ขวบ ควรได้รับน้ำมันปลาในปริมาณ 40 มิลลิกรัมต่อวัน

– เด็กอายุ 4-8 ขวบ ควรได้รับน้ำมันปลาในปริมาณ 55 มิลลิกรัมต่อวัน

– เด็กโต ควรได้รับน้ำมันปลาในปริมาณ 70-125 มิลลิกรัมต่อวัน

น้ำมันปลาไม่ได้มีดีแค่กับเด็กเพียงอย่างเดียว แต่สำหรับวัยผู้ใหญ่น้ำมันปลาก็มีประโยชน์มากเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องการป้องกันโรคที่เกี่ยวกับหัวใจ โรคสมองเสื่อม โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคไขมันในหลอดเลือด ที่สำคัญยังช่วยควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ และบรรเทาผลข้างเคียงจากการรักษาโรค เพราะเป็นการเพิ่มไขมันดีให้ร่างกาย ที่สำคัญน้ำมันปลามีส่วนช่วยกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย

โดยน้ำมันปลาสามารถทาร่วมกับสารสกัดอื่นได้ เช่น GOS (กาแลกโต โอลิโกแซ็กคาไรด์) ที่ช่วยเรื่องการขับถ่าย, เบต้ากลูแคน ช่วยเรื่องกระตุ้นภูมิคุ้มกัน, สารสกัดจากเอลเดอร์เบอร์รี และ อะเชลา เชอร์รี ที่ช่วยป้องกันหวัด/ลดไข้, สารสกัดจากข้าวบาเล่ย์ญี่ปุ่น (GABA) ช่วยเรื่องพัฒนาการ สมาธิ และการเรียนรู้ หากรับประทานควบคู่กันไปในปริมาณที่เหมาะสม สามารถช่วยให้เด็กมีสุขภาพที่แข็งแรงมากขึ้น หากคุณพ่อคุณแม่สนใจสามารถปรึกษา Your ได้เลยนะครับ

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

TOP