มะเร็งตับถือเป็นหนึ่งในโรคมะเร็งที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด รายงานประจำปี 2565 ผู้ป่วยโรคมะเร็งตับในไทยมีอัตราการเสียชีวิตสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในผู้ชาย ร้อยละ 33.2 และเป็นอันดับ 3 ในผู้หญิง ร้อยละ 12.2 โดยมีจำนวนผู้เสียชีวิตราว ๆ 16,000 คนต่อปี ซึ่งนับเป็นสถิติที่น่าเป็นกังวล และหลายคนอาจจะละเลยการดูแลสุขภาพตับรวมไปถึงตับอ่อน ซึ่งนับเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกาย เพราะทั้งการย่อยอาหาร การผลิตฮอร์โมน การสร้างภูมิคุ้มกัน ซึ่งนับเป็นกลไกสำคัญของร่างกาย เราจะเลี่ยงมะเร็งตับได้อย่างไรบ้าง มาดูกันครับ
ทำไมคนไทยถึงเป็นโรคมะเร็งตับมากขึ้น?
โรคมะเร็งตับเกิดจากเซลล์ตับ (HCC) อาจจะมาจากผู้ป่วยมีสัมพันธ์กับผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบีและซี ผู้ป่วยที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ผู้ป่วยที่มีโรคตับแข็ง และยังพบว่ามีสารอะฟลาท็อกซิน (Aflatoxin) ที่เป็นปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดโรคนี้ด้วย โดยเฉพาะในถั่วลิสงบด พริกแห้ง กระเทียม หัวหอม ข้าวโพด ข้าวกล้อง แหนม ฯลฯ รวมไปถึงธัญพืชที่เก็บไว้นาน ๆ ซึ่งการบริโภคเป็นประจำและจำนวนมาก ก็อาจจะทำให้เกิดการสะสมในตับ และส่งเสริมให้เกิดเซลล์มะเร็งตับในผู้มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซีได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
จะเห็นได้เลยว่าอาหารที่ยกตัวอย่างมาเป็นอาหารที่หลาย ๆ คนรับประทานเป็นประจำและหาซื้อได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีอาหารบางชนิด โดยเฉพาะอาหารหมักและอาหารดองที่อาจจะเสี่ยงทำให้เกิดการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับแบบเรื้อรัง เช่น ปลาร้า ปลาส้ม ไส้กรอกรมควัน แหนม ฯลฯ ซึ่งอาหารเหล่านี้ก็เสี่ยงที่จะทำให้กระตุ้นโรคมะเร็งตับได้เหมือนกัน
เลี่ยง “มะเร็งตับ” ทำได้อย่างไรบ้าง?
1. เสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย
เป็นการลดความเสี่ยงที่ยั่งยืน เนื่องจากภูมิคุ้มกันมีส่วนสำคัญอย่างมากที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง ยิ่งภูมิคุ้มกันของเราแข็งแรง ก็จะทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเห็นสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นเชื้อโรค ปรสิต ไวรัส หรือแบคทีเรียก็จะรีบเร่งทำลาย เซลล์มะเร็งก็เป็นหนึ่งในสิ่งแปลกปลอมที่ระบบภูมิคุ้มกันสามารถทำลายได้ด้วย ซึ่งกลไกนี้มีการนำไปพัฒนาการรักษาโรคมะเร็งด้วยภูมิคุ้มกันด้วยนะครับ ฉะนั้นการเสริมภูมิคุ้มกันให้สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่เสมอจึงนับว่าเป็นการลดความเสี่ยงที่ดีที่สุด
2. รับประทานอาหารที่สะอาดและถูกหลักอนามัย
โดยเฉพาะการเลี่ยงอาหารที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว ก็ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีความสะอาด ปรุงสุก หากรับประทานร่วมกับผู้อื่นก็ควรมีช้อนกลาง เพราะไวรัสตับอักเสบสามารถติดต่อกันผ่านน้ำลายได้ด้วย ที่สำคัญการรับวัคซีนเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันไวรัสตับอักเสบก็เป็นสิ่งที่ควรทำด้วยเหมือนกันครับ
3. ลดพฤติกรรมเสี่ยง
โดยเฉพาะการดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่เป็นประจำ ถือเป็นการกระตุ้นให้ตับทำงานหนักอยู่เสมอ และเสี่ยงที่จะเป็นโรคตับแข็งหรือไขมันในตับสูง โรคเหล่านี้เป็นการกระตุ้นให้เกิดโรคมะเร็งตับชั้นดีเลยก็ว่าได้ ยิ่งสูบบุหรี่ไปด้วยยิ่งทำให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนได้ดี เลือดปนเปื้อนสารพิษสูง ส่งผลให้ตับเองก็ไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เสริมภูมิคุ้มกันอย่างมีประสิทธิภาพด้วยเบต้ากลูแคน
นอกจากการลดเสี่ยงจากปัจจัยต่าง ๆ แล้ว การส่งเสริมให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันด้วยสารสกัดที่มีประโยชน์ก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงได้มากขึ้น “เบต้ากลูแคน” ถือเป็นหนึ่งในสารสกัดที่สามารถกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีที่สุด โดยเฉพาะชนิดเบต้า 1,3/1,6 D-กลูแคน จะมีประสิทธิภาพสูง และต้องสกัดจากธรรมชาติ 100% เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน ช่วยลดการอักเสบของเนื้อเยื่อ ทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย ป้องกันการทำงานเซลล์ผิดพลาด เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย